top of page

วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศจอร์เจียกัน

เมืองหลวงเก่าจอร์เจีย มิชเคห์ตา (Mtskheta)

อดีตเมืองหลวงในช่วงศตวรรษที่ 5 ของจอร์เจีย อยู่ห่างจากทบิลิซีเพียง 20 กิโลเมตร เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีภูมิประเทศอันสวยงาม อาคารบ้านเรือนยังคงความเป็นยุคกลางเหมือนเดิม รายล้อมไปด้วยไร่องุ่นสายพันธุ์สำหรับทำไวน์

อีกทั้งยังมีโบสถ์ที่ได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมถึง 3 แห่ง ได้แก่ Svetitskhoveli Cathedral,

Samtavro Church and Monastery และ Mtskhetis Jvari ความิเศษอีกอย่างของเมืองนี้ก็คือจุดบรรจบระหว่างแม่น้ำ 2 สาย คือแม่น้ำอักราวิ (Aragvi) และแม่น้ำมิกวาริ (Mtkvari) ซึ่งเป็นแม่น้ำที่มีสีต่างกันอีกด้วย

โรงละครเรโซ กาเบรียลเซ (Rezo Gabriadze Theatre) เริ่มต้นออกเดินทางกันด้วยที่เที่ยวจอร์เจียอย่างโรงละครเรโซกาเบรียลเซน โรงละครหุ่นเชิดแห่งแรกของเมืองทบิลิซี (Tbilisi) โรงละครที่โดดเด่นในด้านสถาปัตยกรรมของตึกอาคารที่มีความน่าแปลกตา และสีสันที่สวยงามจนทำให้ใครที่เดินผ่านมาก็ต้องสะดุดตากันทั้งนั้น โดยเฉพาะหอนาฬิกาที่ออกแบบมาได้ไม่ซ้ำใคร

โรงละครเรโซ กาเบรียลเซ.jpg

เทือกเขาคอเคซัส (Caucasus Mountains) หนึ่งในสถานที่เที่ยวจอร์เจียที่มีชื่อเสียง ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ เทือกเขาคอเคซัสใหญ่ และเทือกเขาคอเคซัสน้อย ตัดพาดผ่านระหว่าง 4 ประเทศ ได้แก่ รัสเซีย จอร์เจีย อาร์เมเนีย และอาร์เซอร์ไบจาน ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาเพื่อชมความงดงามของเทือกเขาที่ตัดพรมแดนระหว่างทวีปยุโรปและทวีปเอเชียได้อย่างกว้างไกลสุดสายตา บอกเลยว่าใครที่เป็นสายเที่ยวธรรมชาติ ต้องไม่พลาดมาเช็กอินที่นี่เลย

เทือกเขาคอเคซัส.jpg

โบสถ์เกอเกติ (Gergeti Trinity Church) โบสถ์เกอเกติ ที่เที่ยวจอร์เจียตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาคอเคซัส ซึ่งเป็นโบสถ์คริสต์นิกายจอร์เจียนอร์โธด็อกซ์ที่ถูกสร้างด้วยหินแกรนิตขนาดใหญ่ มีการออกแบบและก่อสร้างช่องประตูและหน้าต่างได้อย่างโดดเด่น จนได้รับการขนานนามว่าเป็นโบสถ์ที่มีความงดงามที่สุดในโลก อีกทั้งบริเวณโดยรอบยังโอบล้อมไปด้วยทุ่งหญ้าอันเขียวขจีที่ให้ทั้งความร่มรื่น และหุบเขาที่เรียงรายสลับทับซ้อนกันไปมาเป็นฉากหลัง จนเรียกได้ว่าเป็นจุดชมทัศนียภาพที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของจอร์เจียเลยทีเดียว

โบสถ์เกอเกติ.jpg

ทะเลสาบเซวาน (Lake of Sevan) ที่เที่ยวจอร์เจียอันดับถัดมาที่ต้องไปปักหมุดเลยก็คือ ทะเลสาบเซวาน (Lake of Sevan) ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ถูกล้อมด้วยแม่น้ำหลายสาย ไม่ว่าจะเป็น แม่น้ำฮราซดาน และแม่น้ำมาสริค
ทำให้บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยสถานที่พักผ่อนที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาเพื่อชมความงดงามของธรรมชาติ พร้อมทั้งดื่มด่ำไปกับบรรยากาศรอบ ๆ ได้อย่างเต็มที่ ยิ่งใครที่เป็นสายเที่ยวรักธรรมชาติแล้วละก็ไม่ควรพลาดแก่การเดินทางมาเช็กอินกับแลนด์มาร์กเด็ดของจอร์เจียแห่งนี้เลย

ทะเลสาบเซวาน.jpg

เมืองอัพลิสต์ซิเคห์ (Uplistsikhe) เมืองอัพลิสต์ซิเคห์ (Uplistsikhe) เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวจอร์เจียได้รับความนิยมอีกหนึ่งแห่ง ในอดีต ซึ่งแต่เดิมที่แห่งนี้เคยถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของคนในสมัยก่อน เนื่องจากในอดีตที่นี่เคยเป็นเส้นทางการขายสินค้าจากประเทศอินเดียสู่ทางด้านเหนือแถบหมู่บ้านมทวารีในจอร์เจีย
จึงทำให้ผู้คนตั้งถิ่นฐานอยู่ในถ้ำแห่งนี้เพื่อเป็นที่พักอยู่อาศัย โดยที่นี่ถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ ๆ ด้วยกัน ได้แก่ บริเวณส่วนใต้ กลาง และเหนือ ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาเพื่อชมความแปลกตาของสถาปัตยกรรมของถ้ำที่เกิดจากหินได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ

เมืองอัพลิสต์ซิเคห์.jpg

กูเดาริ (Gudauri Ski Resort) หากใครอยากไปสัมผัสลมหนาวและชื่นชอบการเล่นสกี เราขอแนะนำให้ไปเช็กอินที่ Gudauri Ski Resort สถานที่ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นจุดหมายของคนที่รักในการเล่นสกี และต้องการชมความสวยงามของหุบเขาที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะขาว
โดยช่วงเวลาที่เหมาะแก่การเดินทางมาก็คือ ช่วง เดือนธันวาคม-เมษายน ของทุกปีในจอร์เจียเนื่องจากความลาดชันของภูเขาที่มีความเหมาะสมและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่มีให้บริการแก่นักท่องเที่ยวอย่างครบครัน

กูเดาริ.jpg

วิหารจวารี (Jvari Monastery) เดินทางไปปักหมุดกันต่อกับที่เที่ยวจอร์เจียอันดับถัดมากับ วิหารจวารี (Jvari Monastery) ที่ถือเป็นโบสถ์ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศจอร์เจีย ตั้งอยู่บนยอดเขาใกล้กับเมือง Mtskheta โดยไฮไลท์ของการมาเยือนที่แห่งนี้คือ
การมาชมวิวทิวทัศน์ของเมือง Mtskheta ที่มีแม่น้ำ Kura กับแม่น้ำ Aragvi ไหลมาบรรจบกัน ซึ่งหากใครไปได้จังหวะพอดี ก็จะได้เห็นความมหัศจรรย์ของแม่น้ำทั้งสองสายที่มีสีต่างกัน พร้อมทั้งได้ชมทัศนียภาพของธรรมชาติที่มีความสวยงามได้อย่างกว้างไกลสุดสายตา

วิหารจวารี.jpg

อ่างเก็บน้ำซินวาลี (Zhinvali Reservoir) ใครที่ได้มาเที่ยวจอร์เจียก็ต้องไม่พลาดที่จะเดินทางมาที่ อ่างเก็บน้ำซินวาลี หนึ่งในแลนด์มาร์กสุดขึ้นชื่อของจอร์เจียที่โดดเด่นในเรื่องของวิวทิวทัศน์ที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาคอเคซัส และเป็นจุดถ่ายรูปที่สวยแห่งหนึ่ง โดยอ่างเก็บน้ำแห่งนี้มีขนาดใหญ่ ซึ่งในอดีตเคยใช้เป็นแหล่งน้ำสำคัญของชาวจอร์เจียในการอุปโภคและบริโภคมาก่อน แต่ในปัจจุบันได้กลายมาเป็นจุดเช็กอินที่คนมักนิยมเดินทางมาเพื่อเก็บภาพบรรยากาศ ดังนั้นหากใครอยากได้รูปสวย ๆ ไว้อัปลงโซเชียลก็สามารถไปแวะโพสท่าถ่ายรูปกันที่แห่งนี้ได้

อ่างเก็บน้ำซินวาลี.jpg

หมู่บ้านจูทา (Juta Village) เอาใจสายเที่ยวรักธรรมชาติกันต่อกับการเดินทางไปเช็กอินที่ Juta Village หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ รายล้อมด้วยหุบเขาน้อยใหญ่อันเขียวขจีที่เรียงรายสลับทับซ้อนกันไปมา และมีแอ่งน้ำอยู่ตรงกลาง ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักเดินทางมาเพื่อชมวิวทัศนียภาพ พร้อมทั้งซึมซาบบรรยากาศธรรมชาติอันบริสุทธิ์ได้อย่างชื่นใจ บอกเลยว่าใครได้มาที่เที่ยวจอร์เจียแห่งนี้ก็ต้องตกหลุมรักอย่างแน่นอน เพราะนอกจากจะมีภูเขาเป็นวิวฉากหลังแล้ว ยังมีลำธารสายเล็ก ๆ ไหลผ่านกลางทุ่งหญ้าและทุ่งดอกไม้อีกด้วย

หมู่บ้านจูทา.jpg

อารามบนเสาหินคัตส์คี (Katskhi Pillar Monastery) ใครที่มาเที่ยวจอร์เจีย ก็ต้องมาชมความแปลกตาของ Katskhi Pillar Monastery เนื่องจากที่แห่งนี้เป็นโบสถ์ที่ตั้งอยู่บนหินปูนที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ตั้งในหมู่บ้านทางตะวันตกของจอร์เจียโดยมีความสูงมากถึง 40 เมตรซึ่งมีการเล่าขานต่อกันมาว่าในอดีตเคยมีนักบวชมาอาศัยอยู่ในโบสถ์แห่งนี้ แต่ในปัจจุบันได้มีการบูรณะและสร้างขึ้นมาใหม่ จึงทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในที่เที่ยวจอร์เจียที่มีผู้คนสนใจและเดินทางมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมากตลอดทั้งปี โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินบันไดเพื่อขึ้นไปชมวิวด้านบนได้

อารามบนเสาหินคัตส์คี.jpg

เมืองทบิลิซี (Tbilisi) ทบิลิซี ถือว่าเป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของจอร์เจีย โดยภายในเมืองแห่งนี้เป็นเขตเมืองเก่าที่ถูกออกแบบให้มีอาคารบ้านเรือนสีสันสดใส ท่ามกลางตึกเก่าที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์มากมายดั่งเทพนิยาย ซึ่งเมืองทบิลิซีแห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมายอาทิ โบสถ์เมเตคี (Metekhi Cathedral) โบสถ์ออร์โธด็อกซ์ที่มีขนาดที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ “ป้อมนาริกาลา” (Narikala Fortress) ป้อมปราการโบราณบนเนินเขา “จัตุรัสอิสรภาพ” (Freedom Square)

เมืองทบิลิซี.jpg

โบสถ์ทรินิตี้ (Holy Trinity Cathedral of Tbilisi) มาต่อกันกับที่เที่ยวจอร์เจียที่ถัดมากับ มหาวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งทบิลิซี หรือ โบสถ์พระตรีเอกานุภาพศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวเมืองท้องถิ่นนิยมเรียกขานกันว่า มหาวิหารซมินดาซามีบา ซึ่งเป็นโบสถ์ที่ถูกก่อสร้างขึ้นในระหว่างปี 1995 – 2004 โดยมีลักษณะอาคารเป็นอาคารขนาดใหญ่ประดับด้วยหลังคาสีทองสไตล์ไบแซนไทน์อันสวยงาม จนได้จัดอันดับเป็นสิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในแถบอ่าวเปอร์เซีย และยังเรียกได้ว่าเป็นโบสถ์ออร์ทอดอกซ์ที่มีความสูงเป็นอันดับ 3 ของโลกอีกด้วย

โบสถ์ทรินิตี้.jpg

โรงอาบน้ำแร่กำมะถัน (Abanotubani Sulfur Bath) เดินทางไปที่เที่ยวจอร์เจียถัดมาที่ถือได้ว่าน่าสนใจเป็นอย่างมากกับ โรงอาบน้ำแร่กำมะถัน (Sulfur Bath) ในเมืองทบิลิซีเมืองใหญ่ของประเทศจอร์เจียที่มีบ่อน้ำพุร้อนจำนวนมาก จึงทำให้มีโรงอาบน้ำพุร้อนเก่าแก่หลายร้อยปีที่ยังเปิดให้บริการ โดยชาวจอร์เจียจะนิยมเรียกโรงอาบน้ำนี้ว่า อะบาโนตูบานี (Abanotubani) ซึ่งเป็นโรงอาบน้ำที่มีลักษณะคล้ายกับบ่อออนเซ็นของชาวญี่ปุ่น แต่มีการผสมผสานรูปแบบการอาบน้ำของชาวตุรกีเข้ามาด้วย โดยจุดเด่นของโรงอาบน้ำแห่งนี้คือโดมที่มีลักษณะติดกันทำให้เกิดเป็นความงดงามสไตล์จอร์เจียสุดเก๋นั่นเอง

โรงอาบน้ำแร่กำมะถัน.jpg

สวนไรค์ (Rike Park) ที่เที่ยวจอร์เจียที่ถัดมาเรามาพาเที่ยวชมสวนสาธารณะกันบ้างกับ สวนไรด์ (Rike Park) หนึ่งในสวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางเมืองทบิลิซี ทางด้านฝั่งซ้ายของแม่น้ำมิทควาริ (Mtkvari River) สวนสาธารณะที่มีความโดดเด่นในเรื่องของต้นไม้ที่ได้รับการเลี้ยงดูและตกแต่งออกมาได้อย่างสวยงาม

สวนไรค์.jpg

สะพานแห่งสันติภาพ (The Bridge of peace) อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวประเทศจอร์เจีย ที่ถูกสร้างมาเพื่อเป็นสะพานคนเดินข้ามแม่น้ำคูรา ที่มีความยาวประมาณ 150 เมตร ทำให้สามารถเดินเที่ยวชมระหว่างเมืองเก่า และเมืองใหม่ของทบิลิซี ที่ถูกสร้างออกแบบมาโดยสถาปนิกชาวอิตาเลียน “มิเชล เดอ ลุจจิ” (Michele De Lucchi) และเปิดใช้งานเมื่อปี 2010

สะพานแห่งสันติภาพ.jpg

อนุสาวรีย์ประวัติศาสตร์จอร์เจีย (The chronicle of Georgia) อนุสาวรีย์ประวัติศาสตร์จอร์เจีย (The chronicle of Georgia) อนุสาวรีย์รูปทรงแปลกตาแห่งเมืองทบิลิซีที่ถูกก่อสร้างขึ้นเมื่อปี 1985 โดย Zurab Tsereteli หนึ่งในสถาปนิกชื่อดังที่ออกแบบอนุสาวรีย์แห่งนี้ออกมาด้วยแท่งหินสีดำขนาดใหญ่ แกะสลักเป็นรูปต่าง ๆ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวในประวัติศาสตร์ออกมาเป็นสามส่วน
โดยส่วนล่างสุดเป็นเรื่องราวของพระคัมภีร์ศาสนาคริสต์ ส่วนกลางเป็นเรื่องราวของข้าราชการชนชั้นสูงในประเทศ และชั้นบนสุดเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญในประเทศที่รวบรวมมาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้มาชื่นชมความงดงามและเรื่องราวต่าง ๆ ได้ที่อนุสาวรีย์แห่งนี้

อนุสาวรีย์ประวัติศาสตร์จอร์เจีย.jpg

วิหารสเวติสเคอเวรี (Svetithhoveli Cathedral) วิหารสเวติสเคอเวรี ถือได้ว่าเป็นโบสถ์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศจอร์เจีย ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองมิชเคทา โดยพระวิหารแห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 11 โดยสถาปนิกชาวจอร์เจียชื่อ Arsukisdze ที่ต้องการสร้างศูนย์กลางทางศาสนาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของจอร์เจีย ให้ชาวเมืองได้เปลี่ยนความเชื่อ และหันมานับถือศาสนาคริสต์ จนทำให้ศาสนาคริสต์กลายมาเป็นศาสนาประจำชาติของจอร์เจียในภายต่อมานั่นเอง และนอกจากจะมีเรื่องราวทางศาสนาแล้ว วิหารแห่งนี้ยังถือเป็นสิ่งก่อสร้างยุคโบราณที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของจอร์เจีย และเป็นอาคารโบสถ์ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในจอร์เจีย รองจากวิหารศักดิ์สิทธิ์ของทบิลิซี (Holy Trinity Cathedral) อีกด้วย

วิหารสเวติสเคอเวรี.jpg

อนุสรณ์สถานรัสเซีย - จอร์เจีย (Russia-Georgia Friendship Monument) พาเที่ยวพระวิหารมาพอสมควรเราจะมาพาทุกคนไปที่เที่ยวจอร์เจียแนวอนุสรณ์สถานกันบ้างกับ อนุสรณ์สถานรัสเซีย - จอร์เจีย (Russia-Georgia Friendship Monument) หนึ่งในอนุสรณ์หินคอนกรีตทรงกลมขนาดใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณทางเชื่อมต่อจอร์เจียกับรัสเซียเข้าไว้ด้วยกัน โดยอนุสรณ์สถานแห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นในปี 1983เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 200 ปี ของสนธิสัญญา Georgievsk ซึ่งภายในได้มีการประดับกระเบื้องสีมากมาย เพื่อบอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของทั้ง 2 ชาติ ร่วมด้วยบทกลอนของกวีชื่อดังชาวจอร์เจีย โชตา รุสตาเวลี เอาไว้ภายในให้นักท่องเที่ยวได้มาเที่ยวชมอีกด้วย

อนุสรณ์สถานรัสเซีย.jpg

Fifth Seasonที่ต่อไปเป็นที่พักวิวหลักล้าน และเป็นเดสทิเนชั่นที่คนทั่วโลกอยากเดินทางมาที่นี่กันสักครั้งกับ Fitfh Season ที่พักในหุบเขาวิวสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งอยู่ในเมือง Juta ซึ่งจริงๆ ในเมืองนี้มีที่พักในหุบเขาให้เลือกหลายที่ค่ะ แต่ที่นี่วิวเดอะเบสท์สุดๆ แล้ว โดยการเดินทางไปที่นี่แนะนำว่าควรใช้รถแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และต้องขับชำนาญในระดับหนึ่ง เพราะทางที่ไปเราจะเจอทุกอย่างเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางบนเขา เจอขบวนรถบรรทุกที่จอดกินไปหนึ่งเลนยาวเป็นกิโลๆ บางช่วงก็รถติดเพราะไม่สามารถสวนกันได้เรียกได้ว่าต้องมีสติดีกันทีเดียว และเส้นทางที่ใกล้ถึงหมู่บ้านก็เป็นทางลูกรัง นั่งแล้วท้องไส้ปั่นป่วนกันทีเดียว จากนั้นต้องจอดรถไว้ด้านล่างแล้วเดินขึ้นเขาไปยังที่พักอีกประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งควรเอาแต่ของใช้ส่วนตัวไปเท่านั้นเพราะมันเหนื่อยมากๆ หรือใครที่ไม่ได้มาพักก็สามารถขึ้นเขามาเดินเล่นนั่งกินกาแฟที่ที่พักได้ แต่ถ้ามาแล้วอยากให้คุ้มแนะนำว่าควรนอนพักสักหนึ่งคืนหรือสองคืนรับรองว่าวิวที่ได้มันคุ้มค่ากับการเดินทางสุดๆ ค่ะ

Fifth Season.jpg

ป้อม Ananuri Fortress อีกหนึ่งที่เที่ยวสวยใกล้เมืองทบิลิซีที่น่าไปเช็คอินกับ Ananuri Fortress ซึ่งเป็นป้อมปราการเก่าแก่ของจอร์เจีย สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16-17 ริมแม่น้ำ Aragvi มีหอคอยสร้างเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมที่ชื่อว่า Sheupovari ด้านในมีโบสถ์เก่าแก่ 2 หลัง นั่นก็คือโบสถ์เก่าแก่แห่งพระนางแมรี่ผู้บริสุทธิ์ (The older Church of the Virgin) ส่วนอีกโบสถ์คือโบสถ์ยิ่งใหญ่แห่งอัสสัมชัญ

ป้อม.jpg

เมืองคูทายสิ (Kutaisi) อีกหนึ่งเส้นทางสำหรับคนขับรถเที่ยวจอร์เจีย คือการเดินทางไปยังเมืองน่ารักเมสเตีย และไปยังหมู่บ้านอุชกูลีแต่ระยะทางจากทบิลิซีไปเมสเตียประมาณ 8 ชั่วโมงและเส้นทางค่อนข้างโหดเอาเรื่อง ดังนั้นเราจึงต้องหาเมืองแวะระหว่างทาง ซึ่งคือเมืองคูทายสิ (Kutaisi) คือเมืองที่หลายคนแวะมาพักซึ่งไม่ใช่แค่เมืองแวะระหว่างเท่านั้น เพราะเมืองนี้นั้นมีที่เที่ยวมากมาย อาทิ Bagrati Cathedra ซึ่งเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่และสวยงาม, Colchis Fountain น้ำพุแลนด์มาร์คใจกลางเมือง และGelati Monastery วิหารเก่าแก่ศิลปะในยุคกลางสร้างในปี 1106 ด้านในมีรูปวาดจิตรกรรมฝาหนังที่งดงามมากๆ

เมืองคูทายสิ.jpg

หมู่บ้านอูชกูลี (Ushguli Village) จากเมืองเมสเตียสามารถเดินทางมายังหมู่บ้านสุดลึกลับที่ซ่อนในหุบเขา เป็นหมู่บ้านโบราณที่เหมือนหลุดมาจากหนังฝรั่งโบราณที่เราอาจจะจินตนาการเห็นอัศวินและชาวบ้านใส่ชุดย้อนยุคเดินกันในเมือง ซึ่งแม้ความจริงจะไม่มีแบบนั้นแต่บรรยากาศตรงหน้านั้นมันชวนฝันมากๆ ค่ะ สวยงามราวกับเทพนิยาย มีภาพเทือกเขาคอเคซัสอยู่ด้านหลัง แต่การเดินทางไปยังหมู่บ้านขอยกให้โหดสุดในที่เที่ยวทั้งหมดที่ไปแล้วค่ะ เพราะทางค่อนข้างน่ากลัวมากๆ เป็นทางที่ค่อยๆ ไต่ไปตามแนวผา มีหลุมบ่อ ขรุขระ บางช่วงทางขาด มีหินร่วงลงมา บางช่วง

หมู่บ้านอูชกูลี.jpg

เมืองถ้ำ Uplistsikhe จากนั้นเดินทางไปชมสถานที่เที่ยวสุดอันซีนของจอร์เจียกับเมืองถ้ำโบราณ Uplistsikhe ที่อยู่ในเส้นทางจากทบิลิซีไปคูทายสิ ใครที่เดินทางไปคูทายสิ เมสเตีย อูชกูลี ก็แวะมาเที่ยวชมความมหัศจรรย์กันได้ โดยเมืองถ้ำโบราณแห่งนี้คาดว่าสร้างขึ้นมาในยุคสำริดตอนปลาย ราวๆ 1,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช พื้นที่ถึง 40,000 ตารางเมตรลักษณะเป็นการเจาะหินเป็นโพรงเพื่อการอยู่อาศัยของมนุษย์โบราณ มีและที่นี่ยังได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกอีกด้วย 

เมืองถ้ำ.jpg

อาหารที่ขึ้นชื่อในประเทศจอเจียร์

Khinkali เริ่มกันที่เมนูแรกกับ Khinkali ออกเสียงคือ “คินคาลี่” อาหารยอดนิยมเมื่อเดินทางไปถึงจอร์เจีย หลายคนต่างตามหาเมนูนี้ โดยเมนูนี้จะมีลักษณะเหมือนเกี๊ยว นักท่องเที่ยวบางคนจึงเรียกอาหารเมนูนี้ว่าเกี๊ยวสไตล์จอร์เจีย คือเป็นแป้งที่ห่อหุ้มไส้ไว้ด้านในแล้วมีการจับจีบห่อปิดไว้อย่างสวยงามเหมือนกับเกี๊ยวประเทศอื่นๆ ที่ก็ยังมีลักษณะอีกแบบที่ดูเหมือนเสี่ยวหลงเปาในจีน เพราะภายในของคินคาลี่ นอกจากจะมีไส้แล้วยังมีน้ำซุปรวมอยู่ด้วย ส่วนไส้ของคินคาลี่หลักๆ จะมีไส้หมูและไส้เนื้อวัว อีกทั้งยังมีเครื่องเทศรวมอยู่ บางร้านอาจมีการนำชีส เห็ด หรือมันฝรั่งมาทำเป็นไส้แทนเนื้อสัตว์

Khinkali.jpg

Mtsvadi ต่อกันที่เมนูนี้ซึ่งหลายๆ คนเรียกว่าบาร์บีคิวสไตล์จอร์เจีย ที่มีการนำเนื้อสัตว์หมักน้ำทับทิมเสียบไม้แล้วก็ไปย่างไฟ เนื้อสัตว์ที่ใช้ก็จะมีเนื้อลูกวัว เนื้อลูกแกะ เนื้อไก่ หรือเนื้อหมู ย่างจนได้ที่มาคลุกเคล้าหัวหอม เพียงเท่านี้ก็พร้อมเสิร์ฟแล้ว สำหรับการรับประทานเมนูนี้ไม่ซับซ้อนอะไร เมื่อเสิร์ฟถึงโต๊ะก็รับประทานปกติ แต่นิยมทานคู่กันกับหัวหอม เพื่อให้ได้รสชาติที่เข้มข้นมากขึ้น กลิ่นหัวหอมจะช่วยเสริมรสชาติ ยิ่งรวมกับกลิ่นน้ำทับทิมและความเกรียมจากการย่าง จะยิ่งได้อรรถรสมากขึ้นไปอีก ข้อแนะนำสำหรับเมนูนี้ หลายๆ คนบอกว่าถ้าฟันไม่แข็งแรง ไม่ควรสั่งเนื้อหมู เพราะที่จอร์เจียเลี้ยงหมูแบบธรรมชาติมากๆ เนื้อหมูจึงมีความเหนียวพิเศษ ทำให้คนที่ฟันไม่แข็งแรงมีอุปสรรคในการรับประทานเนื้อหมูย่างจากเมนูนี้

Mtsvadi.jpg

Kubdari เมนูที่สามที่จะขอแนะนำสำหรับผู้ที่เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศยังประเทศจอร์เจียกับ Kubdari เมนูขึ้นชื่อรับประกันความอร่อยอีกหนึ่งเมนู หน้าตาคล้ายพิซซ่า ทำให้หลายคนขนานนามเมนูนี้เอาไว้ว่าเป็นพิซซ่าสไตล์จอร์เจีย เนื่องจากมีการหั่นขนมวงกลมออกเป็นสามเหลี่ยมเล็กๆ เหมือนพิซซ่า แต่ก็อาจจะไม่ได้เหมือนเสียทีเดียว เพราะพิซซ่าจะมีแป้งและโรยหน้าด้วยเนื้อสัตว์พร้อมการปรุงรสต่างๆ แต่ Kubdari จะเป็นอาหารที่ทำจากแป้งแล้วห่อหุ้มไส้เอาไว้ ไส้จะทำจากเนื้อสัตว์ ได้แก่ เนื้อวัว เนื้อหมู หรือเนื้อลูกแกะ ปรุงรสของไส้ด้วยเครื่องเทศและหัวหอมให้กลิ่นฉุนกำลังดี ตามสไตล์ของอาหารจอร์เจีย

Kubdari.jpg

Shkmeruli เมนูต่อมาขอแนะนำ Shkmeruli ที่ออกเสียงว่า “ชคเมรูลี่” (ชค = ชะ-คะ) เป็นอาหารจอร์เจียที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกชื่นชอบ มีข้อมูลว่าหนึ่งในคำที่ถูกค้นหาบ่อยบน Yahoo ของญี่ปุ่นนั้น มีคำว่า Shkmeruli รวมอยู่ด้วย แต่ไม่เพียงเท่านั้น เพราะนักท่องเที่ยวชาวไทยก็ชื่นชอบเมนูนี้เช่นกัน โดยเมนูนี้เป็นไก่ทอดกระเทียมในซอสครีม คือจะนำไก่ทั้งตัวไปทอดกับกระเทียม ทำให้มีกลิ่นหอมของกระเทียม จากนั้นก็จะเสิร์ฟในจานที่มากับซอสครีม คือเป็นซอสครีมสูตรจอร์เจีย ที่เวลาเสิร์ฟไก่ทอดจะจมอยู่ในซอสเลย

Shkmeruli.jpg

Kharcho มาต่อกันที่อีกหนึ่งเมนูกับ Kharcho หรือที่เรียกว่าซุปคาโช เป็นซุปเนื้อวัวมะเขือเทศ ที่ผ่านขั้นตอนการทำค่อนข้างซับซ้อนพอตัว มีการนำเนื้อวัวต้มในส่วนผสมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกระเทียม มันฝรั่ง หัวหอม มะเขือเทศ และอื่นๆ รวมถึงเครื่องเทศหลายชนิดเพื่อเพิ่มกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ อาทิ ฮ็อป-ซันลี, แอดจิกา พริกแดง เป็นต้น สำหรับเมนูนี้เวลาเสิร์ฟจะเสิร์ฟในชามสตูมีการโรยผักชีตบท้าย เพื่อเพิ่มกลิ่นหอม บางร้านมีการใส่ข้าว เมล็ดพีช และวอลนัทลงไปด้วย เพื่อให้ได้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ประจำถิ่นมากยิ่งขึ้น

Kharcho.jpg

Pkhali เมนูที่หกขอนำเสนอ Pkhali ที่ออกเสียงว่า “พาคฮาลิ” เป็นเมนูสลัดผักสไตล์จอร์เจีย แต่ไม่ใช่สลัดเป็นใบๆ หรือเอาผักมาหั่นแล้วใส่รวมกันก่อนราดซอสสลัดแล้วทานแบบที่หลายๆ คนคุ้นเคย เพราะสลัดที่นี่มีกรรมวิธีที่ซับซ้อนกว่านั้น คือจะนำผักหลายชนิดมาต้มแล้วบดกับน้ำส้มสายชู กระเทียม โดยผักที่นำมาบด ได้แก่ กะหล่ำปลี ถั่ว ผักโขม แครอท มะเขือม่วง เห็ด เมื่อนำมาบดแล้วเพิ่มน้ำส้มสายชูลงไปเพื่อปรุงรสชาติ ตามด้วยเครื่องเทศ วอลนัทบด และสมุนไพรอื่น ยังไม่จบแค่นั้นเพราะจะมีการนำมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ ด้วย แล้วโรยหน้าด้วยเมล็ดทับทิม เป็นอันจบพร้อมเสิร์ฟ

Pkhali.jpg

Satsivi มาต่อกันที่เมนูนี้ Satsivi สตูไก่ที่มีลักษณะหนืดเหมือนซอส จึงมักทานคู่กันกับเมนูอื่น โดยทำจากไก่งวงในซอสวอลนัท ลักษณะอาหารจะเป็นเหมือนซอสสีขาวที่มีเนื้อไก่ผสมอยู่ ใช้รับประทานคู่กับผัก ปลา หรือไข่ต้ม คล้ายๆ กับน้ำพริกบ้านเรา ใช้เป็นตัวเสริมรสชาติให้กับอาหารอื่นได้เป็นอย่างดี

Satsivi.jpg

Chikhirtma ถัดมากับเมนูอาหารจอร์เจีย นั่นก็คือ Chikhirtma ออกเสียงว่า “ชีคีทมาร์” เมนูนี้เป็นซุปชนิดหนึ่งของจอร์เจีย ทำจากน้ำต้มไก่ และมีการใส่เนื้อไก่ ไข่ และแป้งลงไป โดยแป้งที่ใช้ผสมจะเป็นแป้งข้าวโพดและแป้งสาลี ตามด้วยการปรุงรสชาติจากเกลือ น้ำมะนาว น้ำส้มสายชู อบเชย พริกไทย และหญ้าฝรั่ง ลักษณะของน้ำซุปจะเป็นสีใสๆ โรยหน้าด้วยใบสะระแหน่ หรือผักชี รสชาติออกเปรี้ยว กลิ่นมะนาวและน้ำส้มสายชูค่อนข้างเด่น เน้นทานเป็นซุปแก้แฮงค์ ซึ่งได้ผลดีมาก

Chikhirtma.jpg

Kuchmachi เมนูที่เก้ากับเครื่องในสับ โดยเครื่องในที่ใช้มักเป็นเครื่องในไก่ เครื่องในหมู หรือเครื่องในวัว ก่อนสับนำไปต้มเล็กน้อยกับซอสถั่วก่อน จากนั้นนำมาสับแล้วผัดกับหัวหอมและกระเทียม ตามด้วยการคลุกเคล้ากับเครื่องเทศและเครื่องปรุงอื่นๆ เพื่อชูรสชาติ เสร็จแล้วโรยหน้าด้วยเมล็ดทับทิม นิยมรับประทานเป็นของว่างมากกว่าจะเป็นอาหารจานหลัก

Kuchmachi.jpg

Khachapuri ที่ออกเสียงว่า “เคลคาชาพูริ” เป็นเมนูขนมปังหน้าชีสไก่ มีทั้งหมด 3 สูตรด้วยกัน ได้แก่ Megrelian Khachapuri, Adjarian Khachapuri และ Imeretian Khachapuri โดยทั้ง 3 สูตรจะมีความแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ยังคงเป็นเมนู Khachapuri เหมือนกัน นั่นก็คือ Megrelian Khachapuri จะเป็นขนมปังกลมที่มีหน้าชีสเยิ้มๆ ส่วน Adjarian Khachapuri จะตัดขนมปังตรงกลางออกให้มีลักษณะคล้ายชามแล้วใส่ชีส เนย และไข่ดิบลงไปตรงกลาง ส่วน Imeretian Khachapuri จะมีลักษณะคล้ายพิซซ่าแบบพัฟ แต่จะไม่มีการราดชีสที่ด้านบน นิยมรับประทานเป็นอาหารเช้า

Khachapuri.jpg

Chacha เมนูถัดมาอาจไม่ได้จัดว่าเป็นอาหารจอร์เจียซะทีเดียว แต่ก็ถือว่าเป็นเมนูเครื่องดื่มยอดฮิตของจอร์เจียเลย นั่นก็คือ Chacha บรั่นดีจอร์เจียแท้ๆ ส่วนใหญ่ทำจากเปลือกหรือกากองุ่นที่เหลือจากการบ่มไวน์ แต่ก็มีบางพื้นที่ที่ใช้ผลมะเดื่อ ส้ม หรือมัลเบอร์รี่ 

Chacha.jpg

ของฝากจอเจียร์

ขนมคูซเซล่า (Churchkhela) เริ่มด้วยขนมสีสันสุดสดใส ดึงดูดสายตาและจิตใจอย่างแรง ขนมชนิดนี้ทำจากถั่วและวอลนัทถูกนำมาร้อยเรียงเป็นแถวยาว เคลือบด้วยน้ำองุ่นกวนจากนั้นก็ตากแห้ง (หากต้องการสีอื่นอาจใช้ผลไม้ชื่ออื่นหรือใส่สีผสมอาหารเพิ่มเติมเข้าไป) รสชาติมัน ๆ หวาน ๆ ออกเปรี้ยวเล็กน้อย จัดเป็นของกินเล่นที่ชาวจอร์เจียนิยมมาก หากได้ลิ้มลองแล้วจะเพลินจนไม่อยากเลิก

ขนมคูซเซล่า.jpg

ขนมโคซินากิ (Gozinaki) ต่อด้วย ของฝากจอร์เจีย ยังคงเป็นของกินน่าอร่อย นี่คือขนมจอร์เจียสูตรดั้งเดิมทำจากถั่วเคลือบด้วยคาราเมล (คล้ายถั่วตัดบ้านเรา) ซึ่งถั่วของเขามักใช้เป็นวอลนัทผสมน้ำผึ้งแล้วจึงนำไปทอดจนกรอบ ได้รสชาติความมันและความหวานกลมกล่อมลงตัวเกินบรรยาย นิยมกินเป็นขนมเล่น ๆ ในมื้อว่าง จิบกับน้ำชาก็ดีงามตามท้องเรื่องมากเลยทีเดียวเชียว

ขนมโคซินากิ.jpg

ช็อกโกแลต Georgia Ramon ตะลุยหา ของฝากจอร์เจีย กันยาว ๆ นี่คือแบรนด์ช็อกโกแลต ที่ชื่อว่า Georgia Ramon สำหรับคนจอร์เจียถือว่าเป็นของโปรดมาก ด้วยจะมีถั่ว วอลนัทต่าง ๆ สอดไส้อยู่ข้างในซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นอาหารโปรดของคนที่นี่ จึงไม่แปลกที่ใครได้ลองชิมจะหลงใหลและมีวางขายอยู่เยอะมาก ที่สำคัญราคาไม่แพง ไม่ต้องบินไปไกลถึงเยอรมันก็ซื้อได้แล้ว

ช็อกโกแลต.jpg

มันฝรั่งทอด Frixx (Caucasus chips) ถ้าชอบขนมขบเคี้ยวนี่คือ ของฝากจอร์เจีย ต้องโดน มันฝรั่งทอดกรอบสไตล์จอร์เจียที่มีรสชาติให้เลือกสรรเยอะมาก ทั้งแบบออริจินัล บาร์บีคิว ชีส ไปจนถึงรสชาติของอาหารท้องถิ่นที่ได้ฟิลแปลกใหม่ไปอีกแบบ รวมถึงยังมีสินค้าแปลกใหม่เพิ่มเติมเข้ามาอีกเยอะมาก อาทิ ป๊อปคอร์นรสเค็ม ป๊อปคอร์นรสคาราเมล หยิบติดมือกลับมาดีงามมากขอบอก

มันฝรั่งทอด Frixx.jpg

แหล่งช้อปปิ้งในจอเจีย

Ponce City Market

  https://maps.app.goo.gl/1F623M5jHf7rRJxF6

Ponce City Market.png
Lenox Square.png
bottom of page