top of page

France

ฝรั่งเศส

เรามาเริ่มต้นกันที่เมืองหลวง มหานครปารีส เมืองที่มีมนต์เสน่ห์ โรแมนติก และมีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม จนเราต้องทึ่งกันเลยล่ะค่ะ เมืองนี้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากมาย ตัวเมืองตั้งอยู่บริเวณตอนเหนือของฝรั่งเศส บนแม่น้ำแซน ใจกลางแคว้นอีล-เดอ-ฟร็องส์ แถมยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะ หอไอเฟล สัญลักษณ์ของปารีส จะชมความสวยงามจากทุกมุมของเมืองก็ได้ หรือจะขึ้นไปทานอาหารข้างบน พร้อมชมวิวคล้องพวงกุญแจคู่รักก็ได้เช่นกัน

มหานครปารีส.jpg
โบสถ์แซงท์ ชาแปลล์.jpg

โบสถ์แซงท์ ชาแปลล์ เป็นโบสถ์เก่าแก่นิกายโรมันคาทอลิก โบสถ์นี้ถูกสร้างขึ้นจากคำสั่งของพระเจ้าหลุยส์ที่ 9 โดยมีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบแรยอน็อง สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของโบสถ์แซงท์ ชาแปลล์ คือหน้าต่างประดับกระจกสีที่แคบและสูงสวยงามแปลกตา และเนื่องจากที่นี่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองพอดีจึงทำให้นักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยวชมได้ง่าย ที่นี่จึงกลายเป็นสถานที่ยอดนิยมของเหล่านักท่องเที่ยว

สุสานใต้ดิน คาตาคอมส์ ออฟ ปารีส (Paris Catacombs) เป็นอุโมงค์ใต้ดินที่มีซากกระดูกมนุษย์กองเรียงรายตลอดแนวกำแพงยาวหลายกิโลเมตร โดยซากกระดูกนี้มาจากผู้คนกว่า 6 ล้านคน โซนแรกจากทางเข้าจะเจอกับกำแพงแกะสลัก ถัดมาเป็นนแกลเลอรีรูปสุสานในอดีต และด้านในเป็นกำแพงกะโหลก กระดูก เรียงยาวจนสุดทาง นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวปารีสแล้วอยากหาที่เที่ยวแบบขนลุกก็ต้องมาที่นี่เลย นอกจากนี้ที่นี่ยังมีบริการร้านขายของที่ระลึกที่สามารถซื้อกลับไปฝากได้อีกด้วย

สุสานใต้ดิน คาตาคอมส์ ออฟ ปารีส.jpg
ประตูชัยฝรั่งเศส.jpg

ประตูชัยฝรั่งเศส (Arc de Triomphe) ตั้งอยู่กลางจัตรัส ชาร์ล เดอ หรือจัตุรัสแห่งดวงดาว ซึ่งจะเป็นจุดสัญจรของถนนทั้งหมด 12 สาย ประตูชัยสร้างขึ้นเพื่อเป็นการสดุดีวีรชนทหารกล้าที่ได้ร่วมรบเพื่อปกป้องประเทศฝรั่งเศส และเป็นการประกาศความเกรียงไกรของกองทัพฝรั่งเศส เป็นประตูชัยที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกับประตูแห่งนี้

ย่านมองมาร์ท Montmartre ย่านมองมาร์ทอยู่ทางตอนเหนือของปารีส ผู้คนใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายไม่เร่งรีบ เป็นจุดชมวิวของปารีสได้แบบพาโนรามา เนื่องจากที่นี่อยู่บนพื้นที่เนินสูง บ้านเรือนอาคารต่างๆก็มีความสวยงาม ที่นี่มีทั้งพิพิธภัณฑ์ อย่าง Montmartre Museum หรือพิพิธภัณฑ์มงมาร์ มีร้านอาหารที่เป็นเอกลักษณ์อย่างร้าน La Maison Rose มี โบสถ์ Pierre Cathedral ย่านนี้ถือเป็นย่านศิลปะอย่างแท้จริง นอกจากมาเดินชมศิลปะต่างๆแล้วก็ยังสามารถมานั่งชิลๆชมวิวของปารีสได้ ที่เที่ยวปารีสที่ต้องมาเยือนสักครั้ง

ย่านมองมาร์ท.jpg

สวนและพระราชวัง ลุกซ็องบูร์ (Luxembourg Gardens and Palace) สวนลุกซ็องบูร์เป็นสวนสาธารณะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองในกรุงปารีส รอบๆสวนเรียงรายด้วยต้นไม้ มีสนามหญ้าเขียวขจี มีไม้ดอกสวยงาม ตอนบนของสวนจะเป็นพระราชวังลุกซ็องบูร์ ที่ปัจจุบันใช้เป็นที่ทำการของวุฒิสภา นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่นี่นิยมมานั่งเล่นถ่ายรูปชมความสวยงามของสวนและพระราชวัง

สวนและพระราชวัง ลุกซ็องบูร์.jpg

จตุรัส ปลาซ เดส์ วอสจ์ (Place des Vosges) จตุรัส ปลาซ เดส์ วอสจ์ หรือจัตุรัสโวชส์ เป็นจตุรัสเก่าแก่ ตั้งอยู่ในย่านเลอ มาเรส์(Le Marais) มีพื้นที่เป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส มีอาคารสีแดงที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 17 ล้อมรอบ ภายในสวนบรรยากาศร่มรื่นเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวปารีสหรือแม้แต่นักท่องเที่ยวเองต่างก็ไปนั่งเล่นถ่ายรูป นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่นัดพบปะสังสรรค์ เป็นแหล่งกิน ดื่ม ช็อปปิ้งอีกด้วย

จตุรัส ปลาซ เดส์ วอสจ์.jpg

จัตุรัสคองคอร์ด (Place de la Concorde) เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์เนื่องจากที่นี่เคยเกิดสงครามกลางเมืองจนเกิดการนองเลือดขึ้น เป็นสถานที่แห่งความทรงจำของฝรั่งเศส ตรงกลางจัตุรัสมีเสาโอเบลิสก์ (L’Obélisque) ตั้งอยู่อย่างโดดเด่น โดยเสานี้ทำมาจากหินแกรนิต ยอดของเสามีแผ่นทองปิดทำให้เสามีความสวยงาม นอกจากนี้ยังมี ประติมากรรมน้ำพุ Fontaine de Jacques Hirtoff ที่ถือเป็นภาพจำของจัตุรัสคองคอร์ดแห่งนี้ นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปเช็คอิน

จัตุรัสคองคอร์ด.jpg

หอไอเฟล (Eiffel Tower) ที่มาของเมืองแห่งความโรแมนติก หอไอเฟลถือเป็นแลนด์มาร์กของเมืองปารีส ที่นักท่องเที่ยวทุกคนที่ไปเที่ยวปารีสจะต้องถ่ายรูปคู่กับหอไอเฟลไม่มากก็น้อยเก็บไว้ว่าได้มาเที่ยวที่ปารีสแล้ว หอไอเฟล เป็นหอคอยโครงสร้างเหล็ก สูง 324 เมตร (1,063 ฟุต) หรือสูงเท่ากับตึก 81 ชั้น แบ่งออกเป็นสามส่วน คือส่วนฐาน ที่ไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวขายของที่ระลึก ส่วนกลางสำหรับชมวิว ส่วนยอดต้องจองตั๋วสำหรับขึ้นไปด้านบนเพื่อชมวิว และอีกหนึ่งไฮไลท์คือการทานอาหารบนหอไอเฟล หอไอเฟลสวยทั้งเวลากลางกวันและเวลากลางคืน เนื่องจากกลางคืนหอไอเฟลจะเปิดไฟในเวลา 21.00 เป็นเวลา 10 นาที

หอไอเฟล.jpg

ถนนช็องเซลีเซ (Champs-Élysées) เป็นหนึ่งในถนนที่มีชื่อเสียงที่สุดของฝรั่งเศส เป็นแหล่งรวมสินค้าแบรนด์ดังระดับโลกหลากหลายแบรนด์ เหล่านักช็อปตัวยงต้องชอบที่นี่อย่างแน่นอน นอกจากสินค้าแบรนด์ดังแล้วยังมีร้านอาหารที่มีความหรูหราอลังการและอีกมากมายที่สร้างความตื่นตาตื่นใจตลอดสองข้างทาง ไปเดินเล่นถ่ายรูป เช็คอิน เท่านี้ก็ถือว่ามาถึงฝรั่งเศสแล้ว

ถนนช็องเซลีเซ.jpg

เมืองสตราสบูร์ก

 ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของฝรั่งเศส ติดกับพรมแดนของประเทศเยอรมนี โดยเมืองนี้เป็นเมืองน่าเที่ยวของฝรั่งเศส ที่มีความเป็นเอกลักษณ์แบบสุด ๆ มีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย ทั้ง มหาวิหาร Notre Dame de Strasbourg และ ย่านเมืองเก่าริมน้ำ ที่ให้บรรยากาศดีสุด ๆ เงียบสงบ แถมยังมีอาหารสไตล์ half-timbered ยุคกลาง ให้ได้ลิ้มลองกันอีกด้วย รับรองว่าอร่อยถูกปากกันอย่างแน่นอน

เมืองสตราสบูร์ก.jpg

มหาวิหารสตราสบูร์ก  (Notredame de Strasbourg) ที่นี่เป็นมหาวิหารแห่งแรกของฝรั่งเศส ในสไตล์โกธิก และยังได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก ซึ่งสูงที่สุดในแถบยุโรปตะวันตก เป็นอนุสรณ์ทางประวัติศาสตร์ ที่ใช้เวลาสร้างนานกว่า 400 ปี สร้างจากหินทรายชมพูอมแดง มีความสูง 142 เมตร  กว้าง 51.50 เมตร และยาว 110 เมตร มีการใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของนิกายโรมันคาทอลิกอยู่เป็นประจำ

มหาวิหารสตราสบูร์ก.jpg

จัตุรัส กูเทนเบิร์ก (place gutenberg) เป็นจัตุรัสขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ล้อมรอบด้วยสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่สวยงาม ถูกสร้างขึ้นในช่วงประมาณ ค.ศ. 1100 มีจุดเด่นอนุสาวรีย์รูปปั้น โยฮันน์  กูเทนเบิร์ก มีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ไว้บริการนักท่องเที่ยว และยังเป็นจุดเดินชมวิวบรรยากาศสวยๆ ของเมืองเก่าได้

จัตุรัส กูเทนเบิร์ก.jpg

เขื่อนเมืองสตราสบูร์ก (Barrage Vauban) สำหรับเขื่อนนี้ สร้างขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1960 โดยวิศวกร Sebastien Vauban มีซุ้มอุโมงค์ที่เป็นประตูเขื่อนทั้งหมด 13 ซุ้ม ก่อสร้างด้วยหินทรายที่มีโครงสร้างแข็งแรง มีความยาว 120 เมตรหรือ 390 ฟุต จัดได้ว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่เป็นทั้งสะพานและเขื่อนกักเก็บน้ำ ที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งเมืองสตราสบูร์ก

เขื่อนเมืองสตราสบูร์ก.jpg

เมืองกอลมาร์ เป็นเมืองเล็กๆ ไม่ไกลจากปารีส ที่มีสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกับทางเยอรมัน กอลมาร์มีชื่อเสียงในการอนุรักษ์เมืองให้ยังคงเป็นเมืองที่มีลักษณะสถาปัตยกรรมและบรรยากาศของเมืองโบราณ โกลมาร์ลำคลองอยู่ตรงกลางระหว่างบ้านเมือง 2 ฝั่ง ยิ่งทำให้ตัวเมืองสวยงามจนได้รับชื่อว่า เวนิสน้อย (Little Venice)

เมืองกอลมาร์.jpg

ย่านลิตเติ้ลเวนิส (Little Venice) เป็นย่านดังของเมืองกอลมาร์ มีแม่น้ำยาวในตัวเมือง บ้านเรือนภายนอกมีสีสันสดใส ตกแต่งด้วยดอกไม้หลากสี ช่วงกลางคืนจะเห็นแสงไฟตัดกับสีบ้าน ถนน และ แม่น้ำ เป็นวิวที่สวยงามและโรแมนติกมากๆ

ย่านลิตเติ้ลเวนิส.jpg

ถนนช้อปปิ้ง Rue Des Clefs เป็นถนนสายชอปปิ้งสินค้าท้องถิ่นต่างๆ ของเมืองที่เต็มไปด้วยร้านค้าตลอดสองข้างทาง อาคารบ้านช่องในถนนเส้นนี้จะทาสีเหลือง ส้ม แดง ชมพู ออกแนวพาสเทล สีสันสดใส จากถนนนี้สามารถเดินไปยังย่านเมืองเก่า และย่าน little Venice ได้อีกด้วย

ถนนช้อปปิ้ง.jpg

อาคารกรมศุลกากรเก่า (Koifhus) หรือที่รู้จักในชื่อ Ancienne Douane เป็นอาคารของกรมศุลกากรเก่า (old custom house) ถือเป็นแหล่งประวัติศาสตร์สำคัญของเมืองที่มีการก่อสร้างอันยาวนานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1433-1480 เป็นสถานที่ราชการของเมืองนี้มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 อาคารแห่งนี้ได้รับการบูรณะต่อเติมหลายครั้ง และถูกใช้เป็นทั้งสถานที่ราชการ โรงเรียน ธนาคาร ในปัจจุบัน ได้รักษาไว้ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์

อาคารกรมศุลกากรเก่า.jpg

โบสถ์โดมินิกัน (Dominican Church) เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่มีสถาปัตยกรรมสไตล์กอธิค อยู่ในย่าน Old town หนึ่งในโบสถ์กอธิคที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่ง สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษท่ี 14 มีภาพวาดที่มีชื่อเสียงประดับอยู่ คือ ภาพวาด Madonna of the rose bush ของศิลปินเอกมาร์ติน ชอนเกาเออร์ (Schongauer) ศิลปินยุคศตวรรษที่ 15

โบสถ์โดมินิกัน.jpg

พิพิธภัณฑ์บาร์โทลดี (Musee Bartholdi) เป็นบ้านของศิลปินดังในอดีต ออกุสต์ บาร์โทลดี (Auguste Bartholdi) ผู้สร้างสรรค์รูปปั้นเทพีสันติภาพของอเมริกา (The Statue of Liberty) และสิงโตหินแห่งเบลฟอร์ด (Lion of Belfort) พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางเขตเมืองเก่าของกอลมาร์ จัดแสดงคอลเลคชั่นงานศิลปะของศิลปินเจ้าของบ้านและของสะสมน่าสนใจต่างๆ รวมไปถึงโมเดลเทพีสันติภาพและสิงโตแห่งเบลฟอร์ด และห้องแสดงศิลปะชาวยิวโบราณอีกด้วย

พิพิธภัณฑ์บาร์โทลดี.jpg

พิพิธภัณฑ์ เอิงเตอแลงดอง (Musee Unterlinden) มีการจัดแสดงผลงานที่แสดงถึงความเปลี่ยนแปลงทางศิลปะตั้งแต่ปี 1853 จนถึงปัจจุบัน มากกว่า 160 ปี คริสต์ศตวรรษที่ 21 พิพิธภัณฑ์ได้เติบโตอย่างรวดเร็ว ถึงขนาดที่ได้มีการขยายการสร้างไปถึงโครงการ herzog & de meuron โครงการด้านปีกของพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงโชว์คอลเลคชั่นของศิลปะสมัยใหม่ ภายใต้แนวคิดที่เชื่อมโยงศิลปะสมัยใหม่เข้าสู่ความรุ่งเรืองของศิลปะสมัยโบราณ

พิพิธภัณฑ์ เอิงเตอแลงดอง.jpg

เมืองลียงเก่า (Vieux Lyon) เป็นโซนเมืองเก่าแก่ ที่ทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในยุคสมัยก่อนของยุโรป ซึ่งเป็นแหล่งรวมสถาปัตยกรรมเรอเนสซองส์ที่ใหญ่ที่สุด เป็นย่านที่เหมาะสำหรับการเดินเพลินๆ กินลมชมวิว ดูเมือง ถ่ายรูปสวยๆ เป็นแหล่งรวมอาคาร ตึก บ้านแบบเก่าๆ และเป็นโซน ที่มีร้านอาหาร ร้านขนม ต่างๆมากมาย มาที่นี่ที่เดียวก็แทบคุ้มมากแล้ว

เมืองลียงเก่า.jpg

พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ธรรมชาติและมนุษยวิทยา (Musée des Confluences) พิพิธภัณฑ์ชั้นนำของโลก ที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น น่าสนใจ สัมผัสกับอาคารที่ถูกออกแบบล้ำสมัย แนว Avant-garde Architecture แบบไร้รูปทรง ภายในพื้นที่กว่า 3,000 ตารางเมตร ยังมีการจัดนิทรรศการ การกำเนิดโลก ไปจนถึงประวัติของมนุษยชาติในหมวดต่างๆ รูปทรงภายนอกว่าดูแปลกแล้ว ภายในอาคาร ก็ยังดูลึกลับน่าค้นหาสุดๆ เลย

พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ธรรมชาติและมนุษยวิทยา.jpg

จตุรัสแบลเลอกูร์ (Place Bellecour) จุดเด่นที่ตั้งกลางเมืองลียง กับจัตุรัสที่งดงาม แบลเลอกูร์ สร้างขึ้นตั้งแต่ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ในศตวรรษที่ 19 โดยใจกลางของจัสตุรัส เป็นรูปปั้นขี่ม้าของกษัตริย์หลุยส์ที่ 14 โดย François-Frédéric Lemot เป็นผู้สร้างขึ้น นักท่องเที่ยวมักจะมาเที่ยว ถ่ายรูปกันที่จัตุรัสแห่งนี้เป็นจำนวนมาก

จตุรัสแบลเลอกูร์.jpg

ภาพจิตรกรรมฝาผนัง (Mur Peint Des Canuts) ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่มีชื่อเสียงโด่งดังของเมืองลียง ใครมาลียงแล้วไม่ได้มาชมถือว่าพลาด เพราะเป็นภาพวาดบนฝาผนังที่ดูมีความสามมิติ เป็นภาพบันไดนำสายตาไปยังตึกอาคารหลากสีสัน มีความลึกเข้าไป จนรู้สึกเหมือนจริง เป็นภาพที่จำลองชีวิตในอดีตของชาวลียงได้อย่างลึกซึ้ง เป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่สะกดสายตานักท่องเที่ยวได้ดีทีเดียว

ภาพจิตรกรรมฝาผนัง.jpg

ถนนมองเต (Montée de la Grande Côte) ซึ่งเชื่อมต่อมาจาก Place des Terreaux  เมื่อเดินมาตรงนี้ จะเป็นเห็นได้ชัดเจนเลยว่า เป็นถนนสายที่งดงามมาก ด้วยสีสันของตึกทั้งสองฝั่ง ที่ทอดยาวลงมา และยังมีร้านขายของที่ระลึก พร้อมชมทัศนียภาพถ่ายรูปสวยๆ ได้ฟินสุดไปเลย

ถนนมองเต.jpg

จัตุรัสกลางเมือง (Place des Terreaux) อีกหนึ่งจัตุรัสใจกลางเมืองลียง ที่มีเอกลักษณ์สวยงาม มีขนาดใหญ่ โดยจัตุรัสนั้นได้รับการออกแบบใหม่อย่างสมบูรณ์ในปี 1990 โดยศิลปิน Daniel Buren และยังเป็นน้ำพุอยู่ตรงบริเวณรูปปั้น จัตุรัสแห่งนี้ นักท่องเที่ยวและผู้คนก็นิยมมารวมตัวเป็นจุดศูนย์กลาง และถ่ายรูปเล่นชิลล์ๆ บริเวณนี้ได้

จัตุรัสกลางเมือง.jpg

เมืองบอกโดซ์

ข้ามมาฝั่งประเทศทางยุโรป อย่างฝรั่งเศส ซึ่งเมืองยอดนิยมใหญ่ๆ คนก็ไปมากันหมดแล้ว ลองมาเที่ยวที่นี่กันบ้าง กับ บอกโดซ์ (Bordeaux) เมืองท่องเที่ยวที่เป็นเมืองท่า ขึ้นชื่อเรื่องไวน์แดงมากที่สุดของฝรั่งเศส และยังได้รับการขนานนามอีกชื่อหนึ่งว่า เมืองท่าแห่งดวงจันทร์ ถึงจะเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มองข้าม แต่ก็เป็นเมืองมรดกโลกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในฐานะเมืองประวัติศาสตร์ที่ยัง มีผู้อยู่อาศัย ชุมชนเมืองและย่านสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น ถ้าเริ่มสนใจเมืองนี้กันแล้ว มาดูกันเลยกับ 10 สถานที่ท่องเที่ยว บอกโดซ์ ฝรั่งเศส

เมืองบอกโดซ์.jpg

โรงละครแกรนด์เธียเตอร์ (Grand Theatre de Bordeaux)  โรงละครขนาดใหญ่ ซึ่งได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกที่ วิคเตอร์หลุยส์ โรงละครนีโอคลาสสิค (Neoclassical Theater) เป็นโรงละครที่ถูกสร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 จนถึงปัจจุบัน ถือว่าโรงละครแกรนด์ เธียเตอร์ เป็นโรงละครโอเปล่า ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปเลยทีเดียว

โรงละครแกรนด์เธียเตอร์.jpg

ปาเล่ส์ เดอ ลา บูส (Palais de la Bourse)  อีกหนึ่งปราสาทสวยๆ ในเมืองบอร์กโดซ์  ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 18 อาคารสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของ Ange-Jacques Gabrie ออกแบบได้อย่างกว้างใหญ่ สวย มีเอกลักษณ์ ได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.2007 ด้านหน้าปราสาท มีลานน้ำกว้างที่ใส สวยงามสะท้อนตัวปราสาท ยิ่งถ้าก้อนเมฆด้านหลังปราสาท สะท้อนลงมาในน้ำยิ่งสวยเหมือนกระจกเงา

ปาเล่ส์ เดอ ลา บูส.jpg

หอคอย (Pey-Berland)  หอคอย หรือหอระฆัง ที่ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 ถูกออกแบบตกแต่งได้อย่างหรูหรา โดยใช้สถาปัตยกรรมแบบโกธิก มียอดที่แหลมคม และยังมีรูปปั้นสมัยศตวรรษที่ 19 ของ Notre Dame d'Aquitaine ประดับบนหอคอย ตั้งเด่นเป็นสง่า นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นไปบนหอคอย เพื่อชมวิวทิวทัศน์สวยๆ ของเมือง และยังเคยถูกใช้เป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ตอีกด้วย

หอคอย.jpg

จัตุรัส ควินคอนเซส (Quinconces) จัตุรัสขนาดใหญ่ ใจกลางเมือง มีรูปปั้นทางสถาปัตยกรรมที่งดงาม มองเห็นโดดเด่น และเหมาะแก่การเดินทางมาถ่ายรูปสวยๆ ที่สำคัญจัตุรัสแห่งนี้ เป็นแลนมาร์คสำหรับจัดงานขนาดใหญ่ หากมีงานประจำปีด้วย และลานนี้ยังมีน้ำพุ กับอุโมงค์ต้นไม้ ที่กลายเป็นเอกลักษณ์ให้นักท่องเที่ยวต้องมาที่นี่กัน

จัตุรัส ควินคอนเซส.jpg

ประตูเมือง  (Porte Cailhau) ประตูเมืองสุดคลาสสิก อย่าง Porte Cailhau ก็เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่นักท่องเที่ยวต้องมาเยือน ที่นี่เป็นประตูเมืองหลักของเมือง Bordeaux มีความสูง 35 เมตร สร้างจากหินทรายมีความเก่าแก่และสวยงาม ราวกับเป็นปราสาทในเทพนิยาย เมื่อรวมกับอาคารรอบๆ ก็ยังโดดเด่น และเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวไม่พลาดที่จะมาถ่ายรูปแน่นอน

ประตูเมือง.jpg

อาสนวิหารนักอันดรูว์แห่งบอร์โด (St. Andrew’s Cathedral in Bordeaux)  อาสนวิหารที่สำคัญของชาวโรมันคาทอลิก สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่นักบุญอันดรูว์ และได้รับการเสกขึ้นเป็นอาสนวิหารเมื่อปี ค.ศ. 1096 โดยสมเด็จพระสันตะปาปาเออร์บันที่ 2 โดยใช้สถาปัตยกรรมอาคารแบบกอทิก มีจุดเด่นที่หอระฆังคู่ความสูง 85 เมตร และได้ขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์เมื่อปี ค.ศ. 1862 รวมทั้งเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโกอีกด้วย เรียกได้ว่าอาสนวิหารแห่งนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนานที่น่าสนใจมากเลยทีเดียวอาสนวิหารนักอันดรูว์แห่งบอร์โด (St. Andrew’s Cathedral in Bordeaux)  อาสนวิหารที่สำคัญของชาวโรมันคาทอลิก สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่นักบุญอันดรูว์ และได้รับการเสกขึ้นเป็นอาสนวิหาร

อาสนวิหารนักอันดรูว์แห่งบอร์โด.jpg

ถนนแซงต์ แคทเธอรีน (Rue Sainte-Catherine)  ถนนสายช้อปปิ้งหลักในเมืองบอร์กโดซ์ ที่มีระยะทางยาว 1.2 กิโลเมตร ขึ้นชื่อว่าเป็นถนนคนเดินที่ยาวที่สุดในฝรั่งเศส และ ยุโรป ลักษณะเหมือนได้เดินชมเมือง ดูความงดงามของอาคารสถาปัตยกรรมฝรั่งเศส และช้อปปิ้งเพลินๆ กับร้านค้าได้ตลอดสาย แบบว่ามาเที่ยวเมือง Bordeaux ได้คุ้มค่ามากๆ

ถนนแซงต์ แคทเธอรีน.jpg

เมืองคานส์ (Cannes)

 ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสติดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวและเป็นที่จัดงานประจำปีเทศกาลภาพยนตร์ชื่อดัง อย่างเทศกาลหนังเมืองคานส์ หรือ ที่รู้จักกันในชื่องานพรมแดงเมืองคานส์ นอกจากเทศกาลนี้แล้ว คานส์ยังมีสถานท่องเที่ยวอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ชายหาด La Bocca ที่มีความยาวกว่า 2 กิโลเมตร ย่านเมืองเก่า Le Suquet ที่มีสถาปัตยกรรมสวยๆที่คงความเก่าแก่ดั้งเดิมไว้ และ ย่าน Rue d’Antibes ที่เป็นถนนสายชอปปิ้งสินค้าแบรนด์แนมชื่อดังมากมาย

เมืองคานส์.jpg

ปราสาท Musee de la Castre แห่งนี้ เป็นปราสาทเก่าแก่ที่อยู่บนจุดชมวิวเมืองคานส์อยู่ในย่านซูเกต์ จากบนนี้เราจะสามารถมองเห็นทัศนียภาพเมืองคานส์ได้อย่างชัดเจน ทั้งวิวของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน, ท่าเรือ Old Port และ ศูนย์ประชุม Palais des Festivals

ปราสาท.jpg

ถนนช็อปปิ้ง Rue d’Antibes เป็นถนนสายชอปปิ้งที่อยู่ขนานกับถนนลาโคเซส (La Croisette) ถนนเส้นนี้ที่มีทั้งสินค้าแบรนด์เนม สินค้าพื้นเมือง และยังเป็นแหล่งรวมที่พักอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของนักช้อปปิ้งอย่างแน่นอน

ถนนช็อปปิ้ง.jpg

รู เมนาดิเย่ร์ (Rue Meynadier) ถนนคนเดินตรอกซอกซอยเล็กๆ ในเมืองคานส์ ที่เหมาะแก่การเดินเที่ยวพักผ่อน เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านกาแฟเล็กๆ น่ารัก สามารถหาซื้อได้ตั้งแต่ของกิน ของฝาก ของที่ระลึก มีร้านขายเสื้อผ้าและรองเท้า เรียกได้ว่าเป็นอีกแหล่งที่ถูกใจของสายช้อปปิ้งที่มาเที่ยวเมืองคานส์กันเลยล่ะ

รู เมนาดิเย่ร์ (.jpg

โพรมานาด เดอ ลา ครัวเซต  (Promenade de la Croisette ) จัดได้ว่า เป็นถนนที่ยาวไปตามชายหาดของเมืองคานส์กว่า 2 กิโลเมตร ตลอดระยะทาง จะเจอโรงแรมหรู ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก และร้านแบรนด์เนม จะเดินถ่ายรูปสวยๆ หรือนั่งจิบเครื่องดื่ม ชมวิว ก็ดีต่อใจมากๆ และยังเป็นสถานที่จัดเทศกาลภาพยนต์นานาชาติเมืองคานส์ (Cannes Film Festival) อีกด้วยนะ

โพรมานาด เดอ ลา ครัวเซต.jpg

ท่าเรือยอร์ช (Vieux Port)  ท่าเทียบเรือเก่าของเมืองคานส์ (Cannes) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของเมือง ที่นักท่องเที่ยวต่างแวะมาเที่ยว ท่าเทียบเรือแห่งนี้สวยงามมากๆ ถือว่าเป็นหนึ่งในท่าเรือที่เก่าแก่ที่สุดของฝรั่งเศส ใช้ทั้งการค้า ขนส่งผู้โดยสาร และใช้งานหลากหลาย มีเรือยอร์ช (Yachts) จอดอยู่เป็นจำนวนมาก มีการสลับสับเปลี่ยนกันจอดตลอดเวลา และเมื่อใครได้มาถ่ายรูปกับท่าเรือนี้ จะได้ภาพพื้นหลังสวยๆ ที่สลับกับภูเขาด้านหลังด้วย

ท่าเรือยอร์ช.jpg

เมืองนีซ (NICE)

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม นีซ Nice ที่เที่ยวฝรั่งเศส จึงเป็นเดสติเนชั่นในฝันที่ใครหลายๆ คนอยากจะมาชมความงามของเมืองหลวงของ เฟรนช์ ริเวียร่า (French Riviera) ในชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสักครั้ง ด้วยบรรยากาศที่แสนสดใส บ้านเมืองสุดชิค จึงดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายจากทั่วโลก จะมีสถานที่ไหนน่าสนใจบ้าง ตามเรามาเที่ยว ที่เที่ยวนีซ ฝรั่งเศส ด้วยกันเลยค่า

เมืองนีซ.jpg

หากอยากชมวิวสวยๆ ของเมืองนีซ ต้องฝ่าบันได 213 ขั้นขึ้นไปบน คาสเซิล ฮิลล์ (Castle Hill) หรือ Colline du Chateau จุดชมวิวหลักของเมืองที่ทำให้เห็นตึกอาคารสีสันสดใสต่างๆ ตั้งอยู่ริมชายฝั่ง ท่าเรือ และน้ำทะเลสีสวยของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอย่างชัดเจน ด้านบนยังคงมีป้อมปราการเก่าแก่ตั้งแต่สมัยยุคกลางหลงเหลืออยู่เป็นบางส่วน รวมถึงยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมือง มีทั้งน้ำตก คาเฟ่ และส่วนของสนามเด็กเล่นที่รองรับนักท่องเที่ยวแบบครอบครัวด้วย

คาสเซิล ฮิลล์.jpg

จัตุรัสมาเซน่า (Place Massena) จัตุรัสใจกลางเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมือง เชื่อมต่อกับส่วนของย่านเมืองเก่านีซ รายล้อมไปด้วยอาคารสถาปัตยกรรมสมัยศตวรรษที่ 17 รวมถึงร้านค้าต่างๆ มากมาย นอกจากนี้ยังมีงานประติมากรรมของ Jaume Plensa ศิลปินชาวสเปนที่นำมาประดับตกแต่งรอบๆ จัตุรัส รวมถึง น้ำพุ Fontaine du Soleil ที่มีรูปปั้น Apollo อยู่ตรงกลาง ในยามค่ำคืนก็จะมีการประดับแสงสีอย่างสวยงาม

จัตุรัสมาเซน่า.jpg

ย่านเมืองเก่านีซ (Old Nice) หรือ Vieille Ville เต็มไปด้วยตึกอาคารโบราณสีสันสดใสและตรอกซอกซอยที่มาร้านค้าและร้านอาหารอยู่ตามมุมต่างๆ ให้เลือกสรร ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่บริเวณ คาสเซิล ฮิลล์ ตลอดมาจนถึง จัตุรัสมาเซน่า ย่านเมืองเก่านีซนับว่าเป็นจุดศูนย์รวมของสถานที่สำคัญในเมือง รวมถึงแหล่งช้อปปิ้งไม่ว่าจะเป็น มหาวิหารนีซ (Nice Cathedral), Palais de la Préfecture, ตลาดกูร์ ซาลียา (Cours Saleya) และอื่นๆ อีกมากมาย ใครที่ชอบบรรยากาศเก่าๆ จะต้องหลงรักย่านนี้อย่างแน่นอนค่ะ

ย่านเมืองเก่านีซ.jpg

มหาวิหารนีซ (Nice Cathedral) หรือ Cathédrale Sainte-Réparate โบสถ์คาทอลิคประจำเมืองที่สร้างแล้วเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1699 ด้วยสถาปัตยกรรมแบบ Baroque ด้านในเป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาที่สำคัญของเมือง แฝงความวิจิตรงดงามของศิลปะที่มีการบูรณะซ่อมแซมตลอด จึงทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในโบสถ์ที่มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมมากที่สุดในเมือง

มหาวิหารนีซ.jpg

ช้อปปิ้งท่ามกลางตึกอาคารสวยๆ ที่ ตลาดกูร์ ซาลียา (Cours Saleya) แหล่งรวมร้านค้าขายของสด ผลไม้ และดอกไม้ที่มีให้เลือกสรรแบบไม่หวาดไม่ไหว เดินไปทางไหนก็จะพบกับร้านรวงมากมาย ซึ่งจะมาตั้งแผงวางขายทุกเช้าวันอังคาร-วันอาทิตย์ทุกสัปดาห์ นอกจากของสดแล้ว ก็ยังมีร้านอาหาร รวมถึงร้านขายของเก่ามาตั้งแผงวางขายด้วยเช่นกันค่ะ

ตลาดกูร์ ซาลียา.jpg

อาหารขึ้นชื่อของฝรั่งเศส

หอยทาก ( Escargots) เริ่มต้นกันที่เมนูอาหารฝรั่งเศสยอดนิยมอย่างหอยทาก หรือเอสคาโก้  (Escargots)  ที่เรียกได้ว่าเป็นอาหารประจําชาติฝรั่งเศสเลยก็ว่าได้  ก่อนอื่นให้เราลืมภาพหอยทากบ้านเรากันไปก่อนนะคะเพราะมันไม่เหมือนกันค่ะ  เมนูนี้เป็นเมนูขึ้นชื่อที่ต้องบอกว่ามาถึงฝรั่เงเศสแล้วต้องลอง มักจะเสิร์ฟเป็นจานเรียกน้ำย่อย โดยจะนำเอาหอยทากมาปรุงรสด้วยเนยเอสคาโก โรยด้วยกระเทียมและพาร์สลีย์ นำเข้าไปอบจนสุก ปรุงรสให้กลมกล่อมด้วยเกลือ พริกไทย และเสิร์ฟพร้อมขนมปัง

หอยทาก.jpg

กงฟีเป็ด หรือดั๊กกงฟี (Duck Confit) เป็นเมนูอาหารฝรั่งเศส ที่ใช้กรรมวิธีการปรุงในรูปแบบการถนอมอาหาร เมนูนี้จะนำเอาเป็ดมาหมักด้วยเครื่องเทศ ปรุงรสให้กลมกล่อมแล้วตุ๋นด้วยน้ำมัน ซึ่งจะทำให้สามารถเก็บไว้ได้นานหลายเดือนเลยล่ะ ก่อนเสิร์ฟจะนำขาเป็ดไปทอดในน้ำมันที่มาจากเป็ดเอง เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งและผักอื่นๆ ตามชอบค่ะ

กงฟีเป็ด หรือดั๊กกงฟี.jpg

สตูว์เนื้อไวน์แดง หรือ เบิฟ บูร์กียง (Boeuf Bourguignon) เป็นเมนูอาหารฝรั่งเศสดั้งเดิมและขึ้นชื่อจากจากแคว้นเบอร์กันดี ซึ่งจะนำเนื้อมาเนื้อวัวไปตุ๋นในไวน์แดงและน้ำซุป ปรุงรสให้กลมกล่อม เติมแครอท หัวผักกาด กระเทียม หัวหอม และผักอื่นๆ ตามชอบ

สตูว์เนื้อไวน์แดง หรือ เบิฟ บูร์กียง.jpg

อีกหนึ่งอาหารประจําชาติฝรั่งเศสขึ้นชื่อคือไก่ตุ๋นไวน์แดง หรือ กอโกแว็ง (Coq au vin)  เมนูนี้ใช้เนื้อไก่ไปตุ๋นกับไวน์แดงเข้มข้น ปรุงรสด้วยเครื่องเทศ ใส่ผักต่างๆ อย่างหัวหอม กระเทียม เห็ด และแครอทเป็นต้น นำมาตุ๋นรวมกันจนงวด เป็นเมนูอาหารผรั่งเศสสุดคลาสสิค ที่แนะนำว่าต้องลองให้ได้ เพราะความหอมของไวน์แดงและเครื่องเทศบวกกับเนื้อไก่ที่ตุ๋นจนนุ่มนั้นบอกได้คำเดียวว่าฟินมากๆ ลองแล้วจะติดใจ

ไก่ตุ๋นไวน์แดง หรือ กอโกแว็ง.jpg

เมนูอาหารฝรั่งเศสชื่อดังที่หลายๆ คนคุ้นหูกันดีกับ ฟัวกราส์ (Foie Gras) ทีทำมาจากตับหาน หรือ ตับเป็ด รสชาติอร่อยละมุน ละลายในปาก  ฟัวกราส์สามารถนำมาปรุงรสได้หลายแบบไม่ว่าจะเป็นการนำมานำกริลล์บนกระทะร้อนๆ ให้พอสุก ราดด้วยซอส เสิร์ฟพร้อมไวน์แดงหรือไวน์ขาว  หรือเสิร์ฟมาในรูปแบบของซอส หรือ หรือสเปรดทานคู่กับขนมปังหรือสลัดเป็นต้น

ฟัวกราส์.jpg

ซุปหัวหอม  (Soupe à l'oignon) เป็นเมนูอาหารฝรั่งเศสยอดนิยมที่มักจะสั่งมาเป็นเมนูเรียกน้ำย่อย  ใช้หัวหอมเคี่ยวกับซุปเนื้อเสิร์ฟร้อมครูตองซ์และชีสออนท็อปเวลาทานชีสจะยืดๆ เยิ้มๆ ส่วนขนมปังก็จะชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำซุบกลมกล่อมอร่อยลงตัวมากๆ 

ซุปหัวหอม.jpg

ซุปปลา หรือ บุยยาเบส (Bouillabaisse) เป็นเมนูขึ้นชื่อแห่งเมืองมาร์กเซย (Marseille) เดิมเป็นอาหารพื้นบ้านของชาวประมงที่ปรุงขึ้นจากสัตว์ทะเลต่างๆ ที่เหลือจากการขายให้พ่อค้า ต่อมาได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลายด้วยรสชาติจัดจ้านและวัตถุดิบที่สดใหม่ ปรุงรสให้กลมกล่อมด้วยเครื่องเทศ ทำให้ซุปปลาเป็นเมนูอาหารฝรั่งเศสที่ขึ้นชื่อที่อยากแนะนำให้ลอง

ซุปปลา หรือ บุยยาเบส.jpg

สตูว์​ถั่วขาว หรือ คาสซูเลต์ (Cassoulet) เมนูนี้เดิมทีนิยมทานกันในหน้าหนาวค่ะ เพราะเป็นจานหลักที่ช่วยให้อุ่นท้องได้ดีทีเดียว เมนูนี้วัตถุดิบหลักๆ จะเป็นถั่วขาวนำมาตุ๋นกันเบคอน ไส้กรอก เหรือเนื้อสัตว์อื่นๆ ตามชอบเคี่ยวช้าๆ ให้น้ำสตูว์ซึมเข้ากับถั่วขาว เสิร์ฟพร้อมไวน์ขาว

สตูว์ถั่วขาว หรือ คาสซูเลต์.jpg

อาหารประจําชาติฝรั่งเศสที่ไม่ควรพลาดลำดับต่อไปคือ สตูว์ผักฝรั่งเศส  หรือ ราตาตุย (Ratatouille)  จานนี้เป็นอาหารพื้นเมืองทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศสมีถิ่นกำเนิดที่เมืองนีซ (Nice)  ใครที่ชอบทานผักและเป็นสายสุขภาพจะต้องชื่นชอบเมนูนี้กันอย่างแน่นอนเพราะเป็นการนำเอาผักหลายชนิดอาทิเช่น มะเขือม่วง,ซูชินี่,มะเขือเทศ,พริกแดง และผักอื่นๆ ตามชอบปรุงรสด้วยพริกไทย เกลือและเครื่องเทศ เสิร์ฟร้อนๆ เป็นเครื่องเคียงหรือบางทีก็เสิร์ฟเป็นจานหลัก

สตูว์ผักฝรั่งเศส  หรือ ราตาตุย.jpg

สเต็กกับเฟรนช์ฟรายส์  หรือ สเต็กฟริต เมนูอาหารฝรั่งเศสแบบคลาสสิคที่หาทานได้เกือบทุกร้านในฝรั่งเศส ถึงแม้จะดูธรรมดาแต่ขอบอกเลยว่าจริงๆ แล้วเป็นเมนูต้นตำหรับในตำนานของฝรั่งเศสเลยก็ว่าได้ สำหรับที่นี่จะเสิร์ฟเสต็กเนื้อเสริฟ์คู่กับเฟรนช์ฟรายส์ ราดซอสสูตรที่ทางร้านปรุงเองซึ่งแต่ละร้านก็มีสูตรลับต่างกันออกไป  สำหรับใครที่ชื่นชอบการทานเสต็กขอแนะนำเลยว่าไปแล้วต้องลองทานสักครั้งค่ะ

สเต็กกับเฟรนช์ฟรายส์.jpg

คีช หรือ กีชช (Quiche) อาหารประจําชาติฝรั่งเศสที่หน้าตาเหมือนของหวานเพราะลักษณะคล้ายพายแต่ถูกจัดประเภทให้อยู่ในหมวดของอาหารคาว แม้จะมีส่วนประกอบหลักๆ  เป็น ครีม นม และไข่ แต่สามารถใส่เนื้อสัตว์ต่างๆ และผักตามชอบได้  อาทิเช่น คีชแฮม ชีส (Quiche Lorraine), คีชทูน่า ซอสมะเขือเทศ (Quiche au Thon et à la Tomate), คีชสตูผัก ซูกินี และพาเมซานชีส (Quiche à la Ratatouille), คีชแซลมอน และผักโขม (Quiche au Saumon et aux épinards), คีช หน่อไม้ฝรั่ง (Quiche Asparagus) เป็นต้น ใครไปถึงฝรั่งเศสกันแล้วแนะนำเลยว่าต้องลองสั่งมาทานค่ะ

คีช หรือ กีชช.jpg

แนะนำจานหนักๆ กันไปเยอะแล้ว ลองมาทานอะไรเบาๆ กันบ้างอย่างพวกซุปใส หรือ กงซอเม ( consommé)   เมนูอาหารฝั่งเศสจานนี้ปรุงรสจากน้ำสต็อก ที่ได้จากการต้มกระดูกสัตว์ น้ำต้มผัก และน้ำต้มเนื้อ กรองจนใส ชนิดที่ว่าเห็นก้นชามกันเลยทีเดียว รสชาติอร่อย กลมกล่อม เสิร์ฟร้อนๆ อุ่นสบายท้องทีเดียว

ซุปใส หรือ กงซอเม.jpg

ศูนย์การค้าในฝรั่งเศส

ห้างสรรพสินค้าลาฟาแยต (Galeries Lafayette)

https://maps.app.goo.gl/mdrHFrfyBYWgAp527

ห้างสรรพสินค้าลาฟาแยต.png

ถนนแซ็ง-โตโนเร่ (Rue Saint Honore)

https://maps.app.goo.gl/64yL4JLwAENcK9ec8

ถนนแซ็ง-โตโนเร่.png

Galeries Lafayette Paris Haussmann

https://maps.app.goo.gl/SQYryd9g4fk1oQBv6

Galeries Lafayette Paris Haussmann.png

แบรนด์เนมที่ควรซื้อจากฝรั่งเศส

Longchamp กระเป๋ายอดนิยมสัญชาติฝรั่งเศสที่เป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ โดยเฉพาะรุ่นสุดฮิตอย่าง Le Pliage ด้วยทั้งสไตล์เรียบง่ายไม่แฟชั่นจ๋าจึงใช้ได้นาน แถมยังพับเก็บได้ไม่เปลืองพื้นที่จัดเก็บ จึงกลายเป็นหนึ่งในกระเป๋า Shopping Bag ในใจของหลายๆคน โดยจะมีการออกสีใหม่ๆตามฤดูกาลอย่างช่วง Spring/Summer และ Autumn/Winter สีที่ได้รับความนิยมส่วนมากจะเป็นสีเบสิคเพราะเข้าง่ายกับทุกๆชุด ในฝรั่งเศสส่วนมากจะมีสีและรุ่นให้เลือกเยอะมากๆ อย่าง Le Pliage รุ่นหนังแกะไซส์ S ที่พารากอนราคาประมาณ 20,000 บาท แต่ที่ช็อปฝรั่งเศสจะราคาประมาณหมื่นนิดๆ หรือรุ่น Le Pliage เบสิคสีพื้น ไซส์ M ในไทยราคาประมาณ 4,800 บาท ที่ฝรั่งเศสคิดราคาประมาณสองพันกว่าๆ ถ้าใครมีเวลาหรือต้องการซื้อจำนวนมากแนะนำให้ไป ร้าน La Maroquinerie Parisienne อยู่แถวๆสถานีรถใต้ดิน Havre – Caumartin ที่ราคาถูกกว่าห้างมากถึง 20% และร้าน KAM’S DUTY FREE ที่ว่ากันว่าถูกเกือบที่สุดในปารีสกันเลยทีเดียว

Longchamp.jpg

Louis Vuitton อีกหนึ่งแบรนด์หรูสัญชาติฝรั่งเศสยอดฮิตตลอดกาล มีทั้งกระเป๋า แว่นตา รองเท้า โดยเฉพาะกระเป๋าที่ฮอตฮิตแบบไม่มีเสื่อมคลาย โดยการซื้อจากฝรั่งเศสเมื่อเทียบกับราคาที่ไทยแล้วถือว่าถูกกว่าเป็นหลักหมื่นกันเลย ที่สาขา champ elysee จะเป็นสาขาขนาดใหญ่ทำให้มีของให้เลือกเยอะมากๆ แต่คนก็เยอะมากๆด้วยเช่นกัน หากไม่อยากรอคิวนานแนะนำให้ไปซื้อสาขาอื่นอย่าง สาขา Galleries Lafayett ไม่ต้องงงกับขั้นตอนเพราะมีพนักงานคนไทยคอยให้คำแนะนำดีมากๆ คนไม่เยอะมากนัก แถมยังสามารถทำเรื่อง tax คืนเป็นเงินสดได้ทันที

Louis Vuitton.jpg

Chanel สำหรับคนที่เสาะหากระเป๋ารุ่นที่หายากๆการมาซื้อที่ปารีสเป็นอะไรที่ตอบโจทย์สุดๆ อย่างรุ่น Classic Flap ขนาด Medium ที่ฝรั่งเศส ราคาประมาณ 172,354 บาท ที่ช็อปในไทยจะราคาอยู่ที่ 204,700 บาท เรียกได้ว่ารุ่นที่ว่าหายากๆในไทยแต่ที่บางสาขาในปารีสวางขายเรียงกันแบบไม่ต้องกลัวไม่ได้ซื้อ อีกทั้งยังมีสีพิเศษๆที่หลายๆแบบไม่มีในไทยหรือน้อยๆมากๆให้ได้จับจองเป็นเจ้าของกัน แนะนำให้ไปซื้อที่ สาขา  Chanel rue saint honore  อันเป็นสาขาแรกของแบรนด์นี้ ซึ่งจะมีความพิเศษอยู่ที่ตัวถุงจะเป็นสีขาวและตัวหนังสือสีดำที่จะเป็นเอกลักษณ์เฉาพะสาขานี้เท่านั้น

Chanel.jpg

YSL ที่มีชื่อเต็มๆว่า อีฟส์ แซ็งต์ ลอร็องต์ (Yves Saint Laurent)แบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นชั้นนำจากฝรั่งเศสที่เหล่าเซเลบริตี้นิยมจนกลายเป็นเทรนด์ ที่ภายหลังไม่ได้มีเฉพาะเสื้อผ้าเท่านั้น แต่มีการแตกไลน์สินค้าเพิ่มเติมทั้งเครื่องสำอางและน้ำหอม โดยแหล่งยอดนิยมที่สุดในการช็อปนั่นคือ Duty free Paris Look เนื่องจากมีสินค้าให้เลือกเยอะ และที่สำคัญมีรุ่นแบบ Limited Edition ที่มีขายเฉพาะปารีสให้เลือกซื้ออีกด้วย

YSL.jpg

Givenchy แบรนด์ระดับไฮเอนด์สัญชาติฝรั่งเศสที่เป็นที่นิยมสำหรับเหล่าแฟชั่นนิสต้ามากๆ มีตั้งแต่เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ กระเป๋า เครื่องสำอาง น้ำหอม และครีมบำรุงผิว โดยเฉพาะเสื้อผ้าที่แต่ละคอนเลคชั่นที่ออกมาเด็ดๆทั้งนั้น ส่วนคนที่ชอบดีไซด์แบบคลาสสิคก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะกระเป๋าบางรุ่นก็เรียบหรูดูดีใช้ได้นานแบบไม่ต้องกลัวความว่า Out อย่างรุ่น Givenchy Antigona Bag ที่ไม่ว่าจะหยิบจับใช้โอกาสไหนก็ดูเข้ากันได้หมด  หาซื้อก็ไม่ยากเพราะมีสาขาในปารีสมากถึง 7 สาขา แต่ถ้าไม่แคร์เรื่องรุ่นที่ต้องการแบบใหม่ๆก็แนะนำให้ไปช็อปปิ้งที่ Outlet ชื่อดังอย่าง La Vallee Village ราคาก็จะลดหนักกว่าที่ช็อปหลักพอสมควร

Givenchy.jpg

Hermes ขึ้นชื่อว่าเป็นแบรนด์อภิมหาไฮเอนด์ที่ซื้อยากที่สุดแบรนด์หนึ่งของโลก ที่ขนาดมีเงินในกระเป๋าก็ใช่ว่าจะสามารถซื้อบางรุ่นได้ต้องจองก่อนยาวๆ ส่วนมากจะมีไม่กระเป๋าเอามาโชว์ภายในร้าน สินค้าที่น่าจะสามารถซื้อได้ก็น่าจะเป็นพวก accessories ราคาดีงามพอๆกับที่มิลาน แนะนำที่สาขาถนน Saint-Honore และสาขา Rue de Sevres เขต6 ร้านขนาดใหญ่ เดินสบายคนไม่เยอะมาก ในส่วนของสาขายอดนิยมอย่าง สาขา Champs-Elysees ไปง่าย เสียแต่ว่าคนเยอะมากๆ ของมีให้เลือกน้อย และหลายๆชิ้นนี่หมดแทบตลอด

Hermes.jpg

Balenciaga แบรนด์แฟขั่นหรู จากประเทศสเปน มีสินค้าแฟชั่นหลากหลายชนิด ตั้งแต่ เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ซึ่งมีราคาถูกกว่าซื้อที่เมืองไทยเป็นหลักหมื่นบาท เช่น กระเป๋ารุ่นใหญ่ยอดฮิต City ไซต์ 12 ราคาที่ไทยประมาณ 70,000 บาท ที่ฝรั่งเศสจะประมาณ 1200 ยูโร หรือประมาณ 45,000-50,000 บาทแล้วแต่ค่าเงิน

Balenciaga.jpg

Burberry แบรนด์หรูจากเกาะอังกฤษมีลายสก็อตที่เป็นเอกลักษณ์ ที่ในฝรั่งเศสมีแบบสวยหลากหลายและแถมราคาถูกกว่าไทยเยอะ โดยปารีสมีช็อปของ Burberry  อยู่ประมาณ 7 – 8 แห่ง และทุกสาขาจะปิดทำการในวันอาทิตย์ ที่ราคาดีสุดๆแนะนำให้ไปที่ Marche de la Valley รับรองว่าคุ้ม

Burberry.jpg

Moschino แบรนด์แฟชั่นสุดชิคจากอิตาลี ที่สีสันสดใสมากด้วยสไตล์โดดเด่น โดยมี 2 สาขาในปารีส ที่ย่าน Faubourg St. Honorè และ 64 Boulevard Hausmann ราคาสินค้ามีตั้งแต่ 3,000 บาท ไปจนถึงหมื่นนิดๆ ที่ถูกน่าซื้อสุดๆน่าจะเป็นรองเท้าถูกมากจนอดใจไม่ซอไม่ไหวแน่ๆ

Moschino.jpg
bottom of page