top of page
อิตาลี กรุงโรง.jpg

เมืองกรุงโรม(Rome)  หรือ โรม่า(Roma)

เมืองหลวงของประเทศอิตาลีนั้นเป็นเมืองในฝันสำหรับหลายๆ คนที่อยากจะไปเที่ยวชมเมืองที่งดงามไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบโรมัน แถมเป็นเมืองที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของกลิ่นอายทางประวัติศาสตร์มากมายที่น่าสนใจ วันนี้เราจึงมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ 15 แห่งที่พลาดไม่ได้เด็ดขาดหากมีโอกาสไปเยี่ยมชมกรุงโรมเมื่อมาถึงเมืองโรมสถานที่ท่องเที่ยวแรกที่ควรจะไปคือที่

colosseum.jpg

Colosseum

เป็นโรงสนามกีฬากลางแจ้งชื่อดังขนาดใหญ่ใจกลางกรุงโรม ที่ในอดีตนั้นเป็นสนามประลองที่แสนโหดเหี้ยมของเหล่ากลาดิเอเตอร์  โดยมากแล้วนั้นอย่างที่ทราบกันดีว่าโรมันนั้นนิยมการประลองเพื่อความแข็งแกร่งเช่น ประลองกับสัตว์ดุร้าย การประลองของนักโทษเพื่อแลกกับอิสรภาพและความมั่งคั่ง สิ่งเหล่านี้เราเคยอ่านในนิยาย แต่สถานที่แห่งนี้จะพาคุณไปเห็นสนามประลองของจริง ที่มีทั้งคุกใต้ดิน กรงขังสัตว์ดุร้ายที่ใช้ในการประลอง เป็นสถานที่ที่จะเห็นถึงความยิ่งใหญ่ แข็งแกร่ง และที่นี่ยังได้รับการคัดเลือกจากองค์กร New 7 Wonders ให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอีกด้วย

Roman Forum.jpg

Roman Forum

เมื่อมาชม Colosseum แล้วก็ไม่ควรพลาด Roman Forum เศษซากปรักหักพังอันเป็นหลักฐานของความเจริญรุ่งเรืองในอดีตของยุคโรมัน เนื่องด้วยตั๋วบัตรเข้าชม Roman Forum นั้นเป็นใบเดียวกับ Colosseum

Palatine Hill.jpg

Palatine Hill

และอีกสถานที่ที่มาและไม่ควรพลาด Palatine Hill เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ใช้บัตรเข้าชมใบเดียวกันกับ Colosseum และ Roman Forum ที่นี่เป็นเนินเขาที่เดินต่อมาจาก Roman Forum มีหลายโซนที่น่าสนใจให้เยี่ยมชม โดยเป็นอีกที่หนึ่งที่บ่งบอกถึงความรุ่งเรืองของโรมันในอดีต อาคารบางแห่งบนเนินเขานี้นั้นบางที่ยังคงรักษาความสมบูรณ์ไว้ได้ค่อนข้างมาก ยังสามารถเห็นจิตรกรรมฝาผนังโมเสกได้ และที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของถ้ำที่เป็นที่อาศัยของสุนัขและฝาแฝดที่สร้างโรมในตำนาน และยังเป็นจุดชมวิวที่สวยงามของ Roman Forum อีกด้วย

Saint Peter’s Basilica.jpg

Saint Peter’s Basilica

เราจะพาทุกท่านไป Saint Peter’s Basilica หรือวิหารนักบุญเปโตร หนึ่งในมหาวิหารเอกของคริสตจักรโรมันคาทอลิกแห่งกรุงโรม เป็นสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดของนครรัฐวาติกัน สถานที่ที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากสำหรับโรมันคาทอลิก เป็นสถานที่ฝังศพของนักบุญเปโตรบิชอปคนแรกแห่งกรุงโรม และพระสันตะปาปาองค์สำคัญอื่นๆ อีกด้วย

Saint Peter’s Square.jpg

Saint Peter’s Square

สถานที่ต่อไปที่น่าไปคือ Saint Peter’s Square จัตุรัสสวยงามด้านหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงามแบบโรมนะ มีเสาโอเบลิคเสาที่สร้างขึ้นในอียิปต์ตั้งตระหง่านตรงกลาง ล้อมรอบด้วยเสาหินหลายสิบต้น และมีน้ำพุอยู่ที่ที่สองข้างของจัตุรัส

Castel Sant’Angelo.jpg

Castel Sant’Angelo

แล้วถ้ามาทั้งทีจะพลาดสถานที่นี้ไปได้ไง Castel Sant’Angelo หรือสุสานของเฮเดรียน อีกหนึ่งสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งกรุงโรมที่มีสะพานสวยงามเชื่อมจาก Peter’s Square เนื่องด้วยที่นี่ครั้งหนึ่งได้ถูกพระสันตะปาปาใช้เป็นป้อมปราการสำหรับหลบภัย ในปัจจุบันนั้นที่นี่เป็นหนึ่งในอาคารที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์แห่งชาติโรม

Pantheon.jpg

Pantheon

เป็นวิหารที่เก่าแก่ของกรุงโรมที่จัดได้ว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังคงรักษาความดั้งเดิมไว้ได้ค่อนข้างมากของกรุงโรม อาคารนี้สวยงามตั้งแต่ภายนอกอาคารที่มีเสาหลายเสาเรียงรายหลายสิบต้น ซึ่งเสาแต่ละเสานั้นเป็นหินก้อนเดียวทั้งต้นอีกด้วย จุดเด่นของอาคารแห่งนี้คือความประณีตในการออกแบบของสถาปนิกในอดีต ที่โดดเด่นคือ Oculus หรือดวงตาสวรรค์ ซึ่งเป็นช่องตรงกลางโดมที่แสงสามารถผ่านเข้ามาได้อันเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่

Trevi Fountain.jpg

Trevi Fountain

สถานที่นี้ก็น่าไปไม่แพ้กันTrevi Fountain น้ำพุชื่อดังของกรุงโรมที่นักท่องเที่ยวล้วนให้ความสนใจ เพราะนอกจากความยิ่งใหญ่และสวยงามแล้ว ยังมีความเชื่อและธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมาของน้ำพุแห่งนี้คือ ถ้าหากอธิษฐานแล้วหันหลัง โยนเหรียญข้ามไหล่ซ้ายลงไปใต้น้ำพุนี้ได้ จะได้กลับมาที่กรุงโรมอีกครั้ง

Spanish Steps.jpg

Spanish Steps

และอีกสถานที่ที่สวยงามของในเมืองโรมSpanish Steps บันไดที่กว้างและยาวที่สุดในยุโรปที่อยู่ไม่ไกลจาก Pantheon และ Trevi Fountain ที่นอกจากความสวยงามและยิ่งใหญ่แล้วยังโด่งดังมาจากฉากในภาพยนตร์เรื่องดัง Roman Holiday อีกด้วย

Vatican Museum.jpg

Vatican Museum

พิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่ในนครรัฐวาติกันที่ภายในตกแต่งสวยงามตั้งแต่พื้นยันเพดาน เป็นแหล่งรวบรวมสมบัติเก่าแก่หลายร้อยปีของวัดคาทอลิก มีห้องที่น่าสนใจหลายห้อง และโดดเด่นด้วยมุมมหาชนอย่างบันไดวนอันสวยงามที่ถ้าหากขึ้นไปชั้นบน เมื่อมองลงมาจะเห็นบันไดหมุนเกลียวไล่ระดับชั้นครบทุกชั้นอย่างสวยงาม

Piazza Navona.jpg

Piazza Navona

สถานที่ต่อไปเราไปกันที่ Piazza Navona เป็น อีกหนึ่งจัตุรัสที่มีชื่อเสียงของกรุงโรมที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา มีน้ำพุสวยๆ หลายจุด มีร้านค้าร้านอาหารน่ารักๆ มีศิลปินมาแสดงโชว์ มีสินค้าอาร์ตๆ และงานศิลปะมากมายให้เลือกชมกันอีกด้วย

Campo de’ Fiori.jpg

Campo de’ Fiori

และอีกสถานที่ที่ขขาดไม่ได้ Campo de’ Fiori เป็นย่าน Market ที่เป็นตลาดขายผัก ผลไม้สด ดอกไม้และสินค้าพื้นเมืองในตอนกลางวันและแหล่งสังสรรค์ยามค่ำคืน ที่นี่เป็นหนึ่งสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ด้วยเป็นลานประหารของบุคคลสำคัญอย่างบรูโนที่ถูกเผาทั้งเป็นที่นี่ตรงจุดที่มีอนุสาวรีย์ของเค้าตั้งอยู่นั่นเอง

Basilica di Santa Maria Maggiore.jpg

Basilica di Santa Maria Maggiore

เป็นอีกหนึ่งมหาวิหารเอกของคริสตจักรโรมันคาทอลิกในกรุงโรม วิหารแห่งนี้มีตำนานสำหรับการก่อสร้างที่แสนมหัศจรรย์เกี่ยวกับหิมะในฤดูร้อน โดยเชื่อกันว่าวิหารนี้เกิดขึ้นด้วยความตั้งใจของพระแม่มารีที่ปรากฏตัวให้พระสันตะปาปาเห็นและทำการกำหนดจุดที่ต้องการสร้างด้วยการเนรมิตหิมะในฤดูร้อนเพื่อชี้จุดนั่นเอง

Capitoline Museum.jpg

Capitoline Museum

พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงโชว์เกี่ยวกับประติมากรรมชิ้นเอกต่างๆ ตั้งแต่สมัยยุคโรมันโบราณ ที่โดดเด่นด้วยการจัดอีเว้นท์มากมาย และหนึ่งในอีเว้นท์ที่สำคัญคือการจัดนิทรรศการแสดงโชว์อาวุธโรมันโบราณอันน่ตานตาตื่นใจ

National Rome Museum.jpg

National Rome Museum

และอีกสถานที่ที่ไปแล้วห้ามพลาด National Rome Museum แน่นอนว่าเสน่ห์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของกรุงโรมคือเรื่องของประวัติศาสตร์และวัตถุทางโบราณคดี สถานที่แรกที่แนะนำจึงเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติโรมอันเป็นแหล่งรวบรวมวัตถุทางโบราณคดีมากมายที่ถูกค้นพบในโรมตั้งแต่สมัยโรมันยุคโบราณกันเลยทีเดียว

เมือง เนเปิลส์.jpg

เมืองเนเปิลส์ (Naples)

เมืองต่อไปก็คือเมือง เนเปิลส์ (Naples)เมืองหลวงแห่งแคว้นกัมปาเนียที่อยู่ทางตอนใต้ของอิตาลี เมืองเนเปิลส์เป็นสถานที่อันล้ำค่าสำหรับชื่นชมงานศิลปะและสถานที่ทางประวัติศาสตร์ รวมไปถึงเป็นเมืองที่มีบรรยากาศอันสดใสของร้านค้า ร้านอาหาร และย่านสถานบันเทิงยามค่ำคืน มีอาหารอิตาเลียนที่ผู้คนชื่นชอบมากมายอย่างเช่น พิซซ่า สปาเก็ตตี้หรือพิมมิจิน่าที่เมืองนี้ได้รับการยกย่องว่ามีส่วนประกอบที่สดใหม่จากท้องถิ่น ที่สำคัญนั้นเมืองนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอื่นๆ อยู่ในบริเวณใกล้เคียง เช่น อ่าวเนเปิลส์และเมืองโบราณที่เปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์และเหตุการณ์สุดสะเทือนใจอย่างเมือง Pompeii อีกด้วย

ย่านเมืองเก่า.jpg

ย่านเมืองเก่า (Centro Storico Naples)

สถานที่นี้สวยมาก ย่านเมืองเก่า (Centro Storico Naples) เป็นเขตเมืองเก่า ที่มีสถาปัตยกรรมอสไตล์อาร์ตนูโว ที่รวมความเก่าแก่ไว้หลายๆ อย่าง ทั้ง โบสถ์ที่สวยงาม ปูด้วยกรวด มีอุโมงค์กรีกโบราณที่ทำให้เห็นประวัติศาสตร์ยุคก่อน และประติมากรรมที่หลายคนอาจไม่เคยเห็น ต้องลองมาเดินย่านนี้กันนะ

โบสถ์คัปเปลลา ซานเซเวโร.jpg

โบสถ์คัปเปลลา ซานเซเวโร (Capella Sansevero)

ต่อมา มาดูกับสถานที่ โบสถ์คัปเปลลา ซานเซเวโร (Capella Sansevero) เป็นโบสถ์ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 16 รวบรวมผลงานทางศิลปะ ที่เกี่ยวข้องกับศาสนาของอิตาลี มีภาพวาดบนฝาผนังแสดงถึงเรื่องราวในศาสนาคริสต์ และประติมากรรมหินอ่อนที่หรูหรา ผู้คนมากมายในเมือง มักจะมาใช้สถานที่แห่งนี้เป็นที่สวดมนต์อธิษฐานเพื่อขอพร  และเพื่อความสงบทางใจ

โบสถ์เจซูนูโอโว.jpg

โบสถ์เจซูนูโอโว (Gesu Nuovo)

สถานที่นี้น่าสนใจในประวัติศาตร์อย่างมาก โบสถ์เจซูนูโอโว (Gesu Nuovo) โบสถ์แห่งนี้ เคยเป็นพระราชวังมาก่อนในปี 1470 ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนใหม่ ให้กลายมาเป็นโบสถ์คริสต์ มีผลงานทางศิลปะ เพิ่มเข้ามาตลอดเวลา ทำให้มีสถาปัตยกรรมของพระราชวังที่ผสมกับศิลปะอันงดงาม สถาปัตยกรรมของที่นี่เป็นแบบกอธิคและบาโรก  ภาพวาดบนาผนังจะบอกเล่าเรื่องราวทางศาสนาไว้ทั้งหมดได้อย่างน่าทึ่ง

ปราสาทริมทะเล.jpg

ปราสาทริมทะเล (Ovo Castle)

สถานที่นี้วิวสวยน่าสนใจปราสาทริมทะเล (Ovo Castle) เป็นปราสาทในสมัยศตวรรษที่ 15 มีความสำคัญต่อชาวกรีกและชาวโรมัน ที่เข้ามาครอบครอบดินแดนนี้ จุดเด่นของปราสาทสร้างขึ้นด้วยหิน มีหอคอยคู่ตั้งอยู่ สถาปัตยกรรมที่สวยงามทำให้นักท่องเที่ยวเดินชมปราสาทได้โดยรอบ และยังมีพิพิธภัณฑ์เรื่องราวก่อนประวัติศาสตร์ให้ได้ศึกษา ปราสาทนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ปราสาทไข่ ซึ่งเคยถูกนำไข่มาวางใต้ฐานปราสาท  เชื่อว่าหากไข่ยังสมบูรณ์ ปราสาทจะไม่ถูกทำลาย

ปราสาท นูโอโว.jpg

ปราสาท นูโอโว (Nuovo Castle)

ปราสาทในยุคกลางที่ถูกสร้างขึ้น มาในปี 1282 โดยสร้างด้วยหินทราย โดดเด่นด้วยซุ้มประตูทรงกลมสูงตั้งสง่า จนเป็นสัญลักษณ์แห่งสถาปัตยกรรมของเมือง ที่ถึงแม้จะได้รับการบูรณะ ปรับปรุงมาแล้วหลายครั้ง ก็ยังคงความงดงามเสมอ

จัสตุรัสปิแอสซาเพลบิสซิโต.jpg

จัสตุรัสปิแอสซาเพลบิสซิโต (Piazza del plebiscito)

สถานที่นี้ถ้าไม่ได้ไปถือว่าพลาดมาก จัสตุรัสปิแอสซาเพลบิสซิโต (Piazza del plebiscito) ที่นี่จัดได้ว่าเป็นหนึ่งในจัตุรัสที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของเมือง มีอาคารสำคัญที่ล้อมรอบอยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะ พระราชวัง ซึ่งเคยเป็นที่พำนักของกษัตริย์ราชวงศ์บูร์บง  และบริเวณพระราชวัง ยังมีถ้ำลึกลับให้เยี่ยมชม ซึ่งเคยเป็นสถานที่หลบภัยในสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย

สุสานใต้ดินเซนต์เจนนาโร.jpg

สุสานใต้ดินเซนต์เจนนาโร (San Gennaro)

เป็นสุสานในศตวรรษที่สอง ซึ่งเป็นสุสานโรมันซึ่งมีหลุมฝังศพอยู่ชั้นใต้ดิน ในศตวรรษที่ 15 รอบสุสานมีมหาวิหาร และสถาปัตกรรมที่งดงาม และภาพวาดรวมประวัติศาสตร์ต่างๆ ในสมัยนั้น สำหรับสุสานจะมีทั้งห้องใต้ดินขนาดเล็ก และสุสานที่อยู่ใต้มหาวิหารขนาดใหญ่

ซาน โดเมนิโก มัจจอเร.jpg

ซาน โดเมนิโก มัจจอเร (San Domenico Maggiore)

เป็นหนึ่งในโบสถ์ที่จัดว่าสวยงามที่สุดของเมือง สร้างขึ้นเมื่อ 1,300 ปีมาแล้ว ภายในมีความหรูหรา ประดับตกแต่งไว้อย่างโอ่อ่า สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับนักบุญโทมัสควีนาส นักท่องเที่ยว นิยมมาชมความสวยงามของโบสถ์นี้ ซึมซับบรรยากาศประวัติศาสตร์อันยาวนานสุดๆ

ซานตาลูชีอา.jpg

ซานตาลูชีอา (Santa Lucia)

เป็นย่านริมทะเล ที่เต็มไปด้วยร้านกาแฟ ร้านพิซซ่า ร้านอาหารทะเล รสเด็ดๆ ที่ใครได้มาลองจะต้องชอบ ทั้งซูชิ สปาเก็ตตี้ มีสตรีทฟู้ดให้เดินกินเพลินๆ ใกล้กับท่าจอดเรือ ทำให้มองเห็นวิวของอ่าวและภูเขาไฟ รวมถึงพระราชวังด้วย

โบสถ์ซานตา คีอารา.jpg

โบสถ์ซานตา คีอารา (Santa Chiara)

เป็นโบสถ์ที่มีบรรยากาศสบาย ล้อมรอบด้วยสวนสาธารณะ และชาทะเล การออกแบบสีสันสดใส เสาแปดเหลี่ยมที่ล้อมรอบอาคาร และกระเบื้องที่สวยงาม ทำให้โบสถ์แห่งนี้มีการออกแบบที่น่าสนใจ และมีประวัติอันยาวนานมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17

พระราชวังหลวง.jpg

พระราชวังหลวง (Cascade Royal Palace)

เป็นพระราชวัง ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเนเปิลส์ ทางตอนใต้ของอิตาลี เป็นทั้งพิพิธภัณฑ์ และสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ในอดีตใช้สถานที่นี้ ในการเป็นพระราชวังปกครองอาณาจักรเนเปิลส์และอาณาจักรทูชิชิลี มีการออกแบบที่เก่าแก่สวยงาม ต้องลองมาเยี่ยมชม จะได้บรรยากาศพระราชวังยุคเก่า

เมืองฟลอเรนซ์.jpg

เมืองฟลอเรนซ์ (Florence)

อีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศอิตาลี ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำอาร์โน เป็นเมืองร่ำรวยศิลปะ และเป็นบ้านของศิลปินเทพหลายๆ ท่าน เช่น ไมเคิลเองเจลโล, ลีโอนาโดดาวินชี่ นอกจากนี้เมืองฟลอเรนซ์ยังเป็นต้นกำเนิดของศิลปะเรเนสซองส์ จึงไม่แปลกเลยที่เมืองฟลอเรนซ์จะเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงทางด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก

หอศิลป์อุฟฟิซิ.jpg

หอศิลป์อุฟฟิซิ (Uffizi Gallery)

เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดในบรรดาพิพิธภัณฑ์ศิลปะในโลก ในหอศิลป์นี้มีงานสะสมมากมายจนต้องนำไปแสดงในพิพิธภัณฑ์อื่นๆ ในฟลอเรนซ์ ภายในปี ค.ศ. 2006 ทางหอศิลป์จึงมีโครงการที่จะขยายบริเวณแสดงงานเขียนเพิ่มขึ้นจาก 6,000 ตารางเมตร เป็นมากกว่าเท่าตัวคือเกือบ 13,000 ตารางเมตรเลยทีเดียว ในปัจจุบันหอศิลป์อุฟฟิซิเป็นสถานที่ยอดนิยมแห่งหนึ่งของนักท่องเที่ยว

อาสนวิหารฟลอเรนซ์ ชื่อเต็มว่า อาสนวิหารซันตามาเรียแห่งฟลอเรนซ์.jpg

อาสนวิหารฟลอเรนซ์

ชื่อเต็มว่า อาสนวิหารซันตามาเรียแห่งฟลอเรนซ์ (Cathedral of Santa Maria del Fiore) สร้างขึ้นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 13 ออกแบบโดยฟีลิปโป บรูเนลเลสกี มีสถาปัตยกรรมแบบเรอเนซองส์-กอธิค ด้านหน้าโบสถ์ประดับตกแต่งด้วยหินอ่อนสีขาว เขียว และชมพู อาสนวิหารแห่งนี้ใหญ่เป็นลำดับที่ 4 ของทวีปยุโรป รองจากมหาวิหารนักบุญเปโตร อาสนวิหารฟลอเรนซ์แห่งนี้นับว่าแลนด์มาร์คอีกที่ในฟลอเรนซ์เเล้วเพราะความความงานและยิ่งใหญ่อลังการของวิหารนั่นเอง

หอคอยคอยนาฬิกา.jpg

หอคอยคอยนาฬิกา (Palazzo Vecchio)

สถานที่นี้วิวสวยมากๆหอคอยคอยนาฬิกา (Palazzo Vecchio) อยู่บริเวณจัตุรัสปิเอซ่า เดลลา ซินญอเรีย (Piazza della Signoria) เป็นหอคอยสูงที่สามารถขึ้นไปชมวิวเมืองฟลอเรนซ์ได้แบบ 360 องศา นักท่องเที่ยวที่มาผ่านมาเมืองฟลอเรนซ์ (Florence) ต้องเห็นหอคอยและได้ถ่ายรูปกลับไปอย่างแน่นอน

จัตุรัสซินญอเรีย.jpg

จัตุรัสซินญอเรีย (Piazza Della Signoria)

นี้มีลักษณะเป็นรูปตัวเเอลอยู่ใจกลางเมืองฟลอเรนซ์ จะเเวดล้อมไปด้วยอาคารเเละสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญมากมายที่มีความเก่าเเก่สวยงาม ของศิลปินเอกชาวอิตาเลี่ยนมากมายมาตั้งรวมกันอยู่ จนมีคนกล่าวว่ามันเหมือนกับเเกลลอรี่กลางเเจ้งที่ใหญ่ที่สุดใน

มหาวิหารซานตาโกรเซ.jpg

มหาวิหารซานตาโกรเซ (Basilica of Santa Croce)

เป็นวัดบาซิลิกาชั้นรองของนิกายโรมันคาทอลิก อีกหนึ่งศาสนสถานที่มีความเก่าเเก่ สวยงาม เต็มไปด้วยงานศิลปะมากมาย โดยมหาวิหารซานตาโกรเซเป็นโบสถ์ของนิกายฟรานซิสกันที่นับว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้นักท่องเที่ยวมากมายนิยมมาเที่ยวชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมของวิหารแห่งนี้

สะพานเวคคิโอ.jpg

สะพานเวคคิโอ (Ponte Vecchio)

สถานที่นี้ถ้าไม่ได้ไปคงเสียดายน่าดู สะพานเวคคิโอ (Ponte Vecchio) เป็นสะพานอันเก่าแก่ที่เป็นแหล่งการค้าที่สำคัญของเมืองฟลอเรนซ์ เราสามารถชมทัศนียภาพของแม่น้ำอาร์โนจากมุมบนสะพานและถ่ายรูปภาพกลับไปเป็นที่ระลึกได้อย่างแน่นอนภายในสะพานจะเต็มไปด้วยร้านค้าที่ขายอัญมณีมากมาย รวมไปถึงของฝากต่างๆ นอกจากนี้ยังมีนักแสดงศิลปินมากมายที่สร้างความสนุกสนานให้กันตลอดทาง ทำให้สะพานเวคคิโอมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวตลอดปี

พระราชวังปิตติ.jpg

พระราชวังปิตติ (PALAZZO PITTI) 

พระราชวังแห่งนี้ จัดได้ว่าใหญ่ที่สุดในเมืองฟลอเรนซ์ มีความอลังการของตัวอาคาร ที่มีสถาปัตยกรรมงดงาม และเก่าแก่ ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1475 ภายในพระราชวัง รวมผลงานภาพวาด ศิลปะ รูปปั้น สิ่งของเครื่องใช้ เครื่องประดับของชนชั้นสูงไว้มากมายกว่า 6,000 ชิ้น ปัจจุบัน พระราชวังก็เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เยี่ยมชมด้วย

หอศีลจุ่ม เซนต์จอห์น.jpg

หอศีลจุ่ม เซนต์จอห์น (THE BAPTISTERY OF ST. JOHN)

The Baptistery of St. John เป็นหอศีลจุ่มฟลอเรนซ์ รูปทรงแปดเหลี่ยม ตั้งอยู่กลางจตุรัสเดลดูโอโม (Piazza del Duomo) ตรงกันข้ามกับมหาวิหารฟลอเรนซ์ (Florence Cathedral)   มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม คลาสสิก น่ามาถ่ายรูปสุดๆ

พิพิธภัณฑ์ศิลปะ แกเลอรี่ ��เดลลัคคาเดเมีย.jpg

พิพิธภัณฑ์ศิลปะ แกเลอรี่ เดลลัคคาเดเมีย (GALLERIA DELL' ACCADEMIA)

ขึ้นชื่อว่า เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของโลก มีประติมากรรมโด่งดัง อย่างรูปปั้นแกะสลักหินอ่อนของเดวิด หนุ่มรูปงามผู้ล้มยักษ์โกไลแอธด้วยหินก้อนเดียว ตามประวัติศาสตร์ของพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ผลงานศิลปินเอกของโลก มิเคลันเจโล บัวนารอตติ (Michelangelo Buonarroti) และยังมีผลงานจัดแสดงภาพวาดของศิลปินยุคเก่าอีกมากมายในยุคเรอนาสซองส์

มหาวิหารซานตา มาเรีย โนเวลลา.jpg

มหาวิหารซานตา มาเรีย โนเวลลา (BASILICA DI SANTA MARIA NOVELLA)

เป็นมหาวิหารที่มีลวดลายงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของอิตาลี โดยช่างมากฝีมือชื่อดังในยุคเรอนาสซองส์ ประดับด้วยหินอ่อนสีขาว สีเขียว และชมพูศิลปะโกธิกและเรอนาสซองส์ ได้รับการออกแบบใหม่ในช่วงศตวรรษที่ 13 ภายในวิหารเป็นจิตรกรรมฝาผนังศิลปะปูนเปียก (Fresco) ของจิตรกรเอกที่มีชื่อเสียง ได้แก่ Filippino Lippi, Nardo di Cione, Piero da Miniato และ Botticelli

จัตุรัสมาร์คาโต.jpg

จัตุรัสมาร์คาโต (PIAZZA DEL MERCATO CENTRALE)

เป็นจัตุรัสศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของเมืองฟลอเรนซ์ ที่มีรูปทรงสามเหลี่ยม และยังมีสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปที่สวยงาม หลายๆ ครั้งบริเวณจัตุรัสนี้ ได้ถูกทำลายลง แต่ก็ได้รับการพัฒนาอีกครั้ง ในปี 1874 กลายเป็นแลนมาร์คแห่งการพบปะสังสรรค์ของชาวเมืองและนักท่องเที่ยว รายล้อมไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ ที่ถ่ายรูปสวยมากๆ  

มิลาน Milan.jpg

เมืองมิลาน Milan

เมืองที่เกือบถูกทำลายทิ้งจากระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ปัจจุบันนั้นเป็นหนึ่งในเมืองที่ร่ำรวยที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป และยังได้นับการยกย่องว่าเป็นศูนย์กลางแฟชั่นที่โดดเด่น มีร้านค้าของดีไซเนอร์มากมาย มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลกหลายแห่งเช่น ปราสาท Sforzesco , มหาวิหารมิลาน , ภาพวาดกระยาหารมื้อสุดท้ายของดาวินชี และเป็นที่ตั้งของสโมสรฟุตบอลชื่อดังเอซีมิลานด้วย

มหาวิหารมิลาน.jpg

มหาวิหารมิลาน (Milan Cathedral)

หรือ มหาวิหารดูโอโม่ (Duomo di Milano) ที่มีสถาปัตยกรรมแบบกอธิคที่ยื่งใหญ่และสำคัญที่สุดในอิตาลี สร้างอุทิศแก่การบังเกิดของพระนางมารีย์ โดยใช้เวลาก่อสร้างยาวนานมากกว่า 500 ปี เลย มหาวิหารมิลานเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญของมิลานที่ต้องมาเยี่ยมชม

ปราสาทสฟอร์เซสโก้ (Castello Sfozesco).jpg

ปราสาทสฟอร์เซสโก้ (Castello Sfozesco)

ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะเซมปิโอน (Sempione Park) สวนสาธารณะเขียวขจีขนาดใหญ่ มีความสง่างามและน่าเกรงขามจากกำแพงอิฐใหญ่ที่เรียงรายอย่างมีระเบียบตามสไตล์ยุคกลาง แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของหอคอยสูง 70 เมตร นอกจากตัวปราสาทที่สวยงามแล้วภายในยังมีพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กอีกด้วย

ย่านเบร์รา (Brera District).jpg

ย่านเบร์รา (Brera District)

ภายในมีพิพิธภัณฑ์เล็กๆ ที่มีชื่อว่า Museum of Ancient Art ให้ได้ศึกษาประวัติความเป็นมาเมืองมิลาน    และเรื่องราวของปราสาทสฟอร์เซสโก้ นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่เก็บผลงานศิลปะของศิลปินชื่อดังอย่าง ไมเคิล     แองเจลโลรวมทั้งผลงานของเหล่าศิลปินชื่อดังในยุคเรเนสซองส์อีกมากมาย

ย่านเบร์รา (Brera District) ศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของเมือง เป็นอีกจุดน่าสนใจสำหรับการเที่ยวมิลาน โดยตั้งอยู่ห่างจากปราสาทสฟอร์เซสโก้เพียง 1.4 กิโลเมตร ด้วยสถาปัตยกรรมตึกรามบ้านช่องจะเป็นโทนสีเหลืองดูเรียบง่ายสบายตา

ย่านนาวิกลี (Navigli District).jpg

ย่านนาวิกลี (Navigli District)

เราสามารถมาสัมผัสบรรยากาศสบายๆ ไปกับการชมเมืองยามพระอาทิตย์ตกดินได้ที่นี่ อีกทั้งยังสามารถเลือกทานอาหารรสเลิศมากมายได้แถวนี้อีกด้วย

จัตุรัสดูโอโม.jpg

จัตุรัสดูโอโม (Piazza Del Duomo)

หรือ กัมโป เดย์ มีราโกลี เป็นจัตุรัสหลักของเมืองมิลาน ที่ลานจะอยู่หน้าอาสนวิหารปิซา ล้อมรอบด้วยกำแพง ประกอบไปด้วยสิ่งก่อสร้างหลัก 4 อย่าง ได้แก่ อาสนวิหารปิซา (Duomo) หอเอนปิซ่า (Leaning Tower of Pisa) หอศีลจุ่ม (Baptistery) และสุสาน (Camposanto) ในปีค.ศ. 1987 จัตุรัสแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเทียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก ทำให้จัตุรัสแห่งนี้เป็นเป้าหมายของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนมิลาน

มหาวิหารดูโอโม่.jpg

มหาวิหารดูโอโม่ (Duomo di Milano)

มหาวิหารแห่งนี้ ตั้งอยู่จัตุรัสกลางเมืองมิลาน เป็นโบสถ์ที่เต็มไปด้วย ศิลปะสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่ยิ่งใหญ่ และสวยงาม เป็นอันดับ 3 ของโลก เริ่มสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1386  การก่อสร้างมหาวิหารนี้ ใช้เวลากว่า 579 ปีกว่าจะสำเร็จ ภายในมีการประดับประดาด้วยรูปปั้นถึง 3,200 รูป ความโดดเด่นของมหาวิหารดูโอโม อยู่ที่ยอดแหลมบนหลังคา ที่ใหญ่และมีรูปพระแม่ที่สูงกว่า 4 เมตร ตั้งสง่า ผนังเต็มไปด้วยเรื่องราวของพระคัมภีร์ ความยิ่งใหญ่ของมหาวิหารนี้ สามารถจุคนได้ถึง    40,000 คน

ห้างสรรพสินค้ากลางเมืองมิลาน.jpg

ห้างสรรพสินค้ากลางเมืองมิลาน (Galleria Vittorio emanuele)

ที่นี่เป็นห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ที่สุดในอิตาลี และเรียกได้ว่า เก่าแก่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองมิลาน ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง Giuseppe Mengoni โดยห้างนี้ มีโรงแรมระดับ 5 ดาวตั้งอยู่ภายในด้วย และความโดดเด่นยังตั้งอยู่ติดกับมหาวิหารมิลานอีก โครงสร้างหลักของอาคาร 4 ชั้นนั้นประกอบไปด้วยทางเดินภายใต้หลังคาโค้ง 2 ทางเดินที่มีจุดตัดเป็นรูปแปดเหลี่ยม ออกแบบห้างได้สมกับความเป็นสถาปัตยกรรมมิลานมาก

สถานีรถไฟมิลาน.jpg

สถานีรถไฟมิลาน (Milano Centrale railway Station)

อีกหนึ่งสถานที่ท่องเทียวของมิลาน เหมาะกับการมานั่งกินลมชมวิว และถ่ายรูปสวยๆ เพราะเป็นสถานีรถไฟหลักของเมืองมิลาน และขึ้นชื่อว่าเป็นสถานีรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี ตั้งอยู่ในทางตอนเหนือสุดของใจกลางเมืองมิลาน เป็นสถานีปลายทาง เชื่อมต่อความเร็วสูงไปตูริน ในตะวันตกของเวนิส ผ่านทางเวโรนาในภาคตะวันออก และพ้นจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ไปโบโลญญา โรม เนเปิลส์และซาเลร์โน  และยังใกล้กับฝรั่งเศส และสวิสเซอร์แลนด์อีกด้วย

ทะเลสาบโคโม่.jpg

ทะเลสาบโคโม่ (Lake Como)

ทะเลสาบที่มีชื่อเสียงด้านความสวยงามอันดับ 1 และยังเป็นทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสามของอิตาลีอีก รอบๆ ของทะเลสาบโคโม่ จะเต็มไปด้วยเมืองตากอากาศ ที่รองรับนักท่องเที่ยวพักผ่อน ทั้งชาวอิตาลี และชาวต่างชาติ มีความยาวของทะเลสาบโดยรอบถึง 160 เมตร พื้นที่กว่า  146 กิโลเมตร มีทัศนีภาพที่สวยงาม และมีเทือกเขาแอลป์ที่เต็มไปด้วยหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี

เวนิส.jpg

เมืองเวนิส  Venice

 

หากจะพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวสุดโรแมนติก แน่นอนว่าหลายคนย่อมต้องนึกถึงเวนิสอย่างแน่นอน ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะที่ตั้งอยู่บนทะเลสาบที่ล้อมรอบด้วยทะเล Adriatic เวนิสเป็นหมู่เกาะที่ปะกอบด้วยเกาะ 118 แห่งที่เชื่อมต่อกันด้วยสะพานสวยงาม มีอาคารบ้านเรือนตั้งอยู่ริมคลองอันงดงาม มีเส้นทางเดินที่สวยงามด้วยสถาปัตยกรรมทางประวัติศาสตร์ และมีกิจกรรมยอดฮิตอย่างการล่องเรือชมคลองอีกด้วย

มหาวิหารซานมาร์โก้.jpg

มหาวิหารซานมาร์โก้ (San Marco)

ที่นี่ มหาวิหารซานมาร์โก้ (San Marco) เป็นมหาวิหารประจำเมืองเวนิส สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานร่างของนักบุญซานมาร์โค หรือ นักบุญมาร์ค ถูกสร้างมาอย่างยาวนานนับพันปีมาแล้ว เป็นแลนด์มาร์กแห่งศรัทธา ของเหล่าคริสตศาสนิกชน และมีสถาปัตกรรมที่สวยงาม รวมถึงรูปปั้นนักบุญมาร์คอันโดดเด่น อีกทั้งยังมีส่วนของ พิพิธภัณฑ์ซานมาร์โก้ ซึ่งจัดแสดงของโบราณ และศิลปวัฒนธรรมของเมืองเวนิสที่หาดูได้ยาก

โบสถ์ซานตามาเรีย เดลลา ซาลูเต.jpg

โบสถ์ซานตามาเรีย เดลลา ซาลูเต (Santa Maria Della Salute)

สุดยอดดโบสถ์เก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของเวนิส กับ โบสถ์ซานตามาเรีย เดลลา ซาลูเต (Santa Maria Della Salute) หรือ เรียกง่ายๆว่า โบสถ์ซาลูเต ความโดดเด่น คือหลังคาโดมขนาดใหญ่ สถาปัตยกรรมแบบบาโรก  ที่มองเห็นแต่ไกล ตกแต่งด้วยรูปแกะสลัก สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงพระแม่มารี ที่ปกป้องเมืองเวนิสให้รอดพ้นจากโรคระบาด แถมทัศนียภาพในการถ่ายรูปสวยงามแน่นอน เพราะติดกับชายฝั่งบริเวณคลองแกรนด์คาแนล (Grand Canal)  เมื่อเรือแล่นผ่าน จะเห็นมหาวิหารนี้เป็นฉากหลังสุดอลังการ

พระราชวังดอจ.jpg

พระราชวังดอจ (Palazzo Ducale)

เดินทางมาที่พระราชวังเก่าแก่ ที่มีอายุกว่าพันปี กับ พระราชวังดอจ (Palazzo Ducale) หรือ เรียกชื่อเต็มว่า พระราชวังปาลัซโซ่ดูคาเล ตั้งอยู่บริเวณจัตุรัสซานมาร์โค ศูนย์กลางการท่องเที่ยวแห่งเมืองเวนิส ปัจจุบัน เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชม เพื่อศึกษาศิลปะ สถาปัตยกรรมเก่าแก่แบบผสมผสาน ซึ่งตกแต่งได้สวยงามประณีต เข้าถึงประติมากรรมโบราณ ได้รูปถ่ายสวยๆ กลับไป แบบสวยทุกมุมจริงๆ

เรือกอนโดล่า.jpg

เรือกอนโดล่า (Gondola)

นี่คือไฮไลท์สำคัญ ของการมาเที่ยวเมืองเวนิสเลย นั่นก็คือ เรือกอนโดล่า (Gondola) เรือพายพื้นบ้านของชาวเวนิส ซึ่งล่องไปตามคลองแกรนด์ คาแนล คลองสัญลักษณ์ของเมืองเวนิส เรือกอนโดล่า เป็นเรือแจวขนาดเล็ก ที่รับส่งนักท่องเที่ยวล่องเรือไปตามคลอง ชมเมือง มีความยาวประมาณ 4-5 เมตร นั่งได้ 5-6 คน การประกอบเรือแข็งแรง สวยงาม มีที่นั่งสบาย ซึ่งมีความโดดเด่นแตกต่างกันไป

สะพานรีอัลโต.jpg

สะพานรีอัลโต (Ponte di Rialto)

สะพานเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงทางด้านสถาปัตยกรรมแห่งเมืองเวนิส ต้องแวะมาชมที่ สะพานรีอัลโต (Ponte di Rialto) สะพานหินโค้ง ที่แคบที่สุด ใจกลางเมืองเวนิส ทอดข้ามคลองแกรนด์คาแนล (Grand Canal) ซึ่งเป็นจุดชมวิวบริเวณโค้งน้ำ ที่มองเห็นวิวรอบๆ สวยงาม มองเห็นเรือกอนโดล่าเรียงราย และแล่นข้ามฟาก บรรยากาศเหมือนในหนังรักโรแมนติก ผ่านตึกหลากสีสัน ที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวมากๆ

หอระฆังซานมาร์โก.jpg

หอระฆังซานมาร์โก (Campanile di San Marco)

หอระฆังแห่งนี้ มีชื่อว่า หอระฆังซานมาร์โก (Campanile di San Marco) ตั้งอยู่บริเวณ จัตุรัสเปียซซ่าซานมาร์โค หรือ จตุรัสเซนต์มาร์ค ศูนย์กลางของเมืองเวนิส ซึ่งหอระฆังนี้ มีความสูงถึง 99 เมตร สามารถขึ้นไปชมวิว เมืองเวนิสที่มีสถาปัตกรรมเก่าแก่รอบๆ เมือง และเห็นทัศนียภาพชายฝั่งทะเลที่สวยงามได้ โดยบริเวณยอดด้านบนของหลังคาหอระฆัง ตกแต่งเป็นรูปปั้นทูตสวรรค์กาเบรียล และบริเวณผนังด้านล่างของหลังคา มีรูปสลักสิงโตเซนต์มาร์ค ยิ่งตอนกลางคืน บริเวณนี้จะถ่ายรูปสวยด้วยแสงไฟ

แกรนด์ คาแนล.jpg

แกรนด์ คาแนล (Grand Canal)

แน่นอนมาเที่ยวเวนิสทั้งที จุดเด่นที่สุด เห็นได้ชัดก็ต้องเป็น

แกรนด์ คาแนล (Grand Canal) คลองใหญ่ใจกลางเมืองเวนิส ที่เป็นเส้นทางคมนาคมสายหลัก มีเรือสัญจรไปมา ทั้งเรือสาธารณะ เรือเฟอร์รี่ เรือกอนโดล่า ที่แกรนด์ คาแนล มีบรรยากาศสวยๆ ของเมืองเวนิส ตึก อาคารบ้านเรือน และเรือมากมาย คลองแห่งนี้ ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเวนิสก็ว่าได้ ทำให้เห็นทั้งบรรยากาศ วิถีชีวิต และความเป็นเอกลักษณ์สุดแสนจะโรแมนติก ของแกรนด์ คาแนล

ตลาดรีอัลโต.jpg

ตลาดรีอัลโต Rialto Market

ล่องเรือกันไปตามสายน้ำแกรนด์ คาแนลแล้ว ต้องได้มาแวะที่ ตลาดรีอัลโต Rialto Market ตลาดสดท้องถิ่นของเมืองเวนิส ที่ทำให้ได้เห็นชีวิต ความเป็นอยู่ วิถีของผู้คนที่นี่ อีกทั้งเป็นตลาดเก่าแก่ ที่อยู่ภายใต้สถาปัตยกรรมโกธิกอันงดงาม ไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบ ก็ต้องเป็นอาหารทะเลสดๆ ที่ชาวประมงนำมาขาย สดใหม่ของจริง

Amalfi Coast.jpg

เมือง Amalfi Coast

ชายฝั่งยอดนิยมของอิตาลี มีเมือง Sorrento เป็นเมืองที่โรแมนติกแห่งหนึ่งด้วยวิลล่าหลากสีสันและรีสอร์ตสไตล์ริตซี่มากมาย  พร้อมชายหาดสีขาวที่งดงาม มีเทือกเขาสวยๆ รายล้อม มีพลาซ่าน่ารักๆ ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึกเรียงรายอยู่ภายในเมือง มีเมือง Ravello ที่เป็นแหล่งรวมวิลล่าน่ารักราคาแพงที่มีสวนสวยและงานศิลปะให้ได้ชม

Positano.jpg

Positano

เมืองที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดของเหล่าเมืองริมชายฝั่งอมาลฟี โดดเด่นด้วยตึกอาคารสีเหลืองนวลและน้ำตาลอ่อนบนเนินเขา ภายในเมืองเป็นศูนย์รวมร้านค้า ร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร และที่พักต่างๆ ที่ราคาสูงพอสมควร เนื่องจากเป็นเมืองที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในแถบนี้ อีกทั้งยังมีโบสถ์สวยๆ และพิพิธภัณฑ์ให้เข้าไปเยี่ยมชมด้วย ริมทะเลของเมือง Positano เป็นที่ตั้งของชายหาดหลักๆ อยู่ 3 แห่งนั่นก็คือ หาด Positano Spiaggia, หาด Fornillo, หาด Arienzo และ หาด San Pietro ที่ผู้คนนิยมไปเล่นน้ำ อาบแดด และทำกิจกรรมกลางแจ้ง

Amalfi.jpg

Amalfi

ขอบอกว่าชายฝั่งอมาลฟีก็มีเมืองเป็นของตัวเอง แถมยังมีชื่อเดียวกันด้วย นั่นก็คือเมือง Amalfi นั่นเองค่ะ เป็นเมืองแห่งการค้าขายเก่าแก่ที่รุ่งเรืองมากตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 9 มาจนถึงศตวรรษที่ 13 และมีสถาปัตยกรรมโบราณต่างๆ เช่น มหาวิหารอมาลฟี (Duomo di Amalfi) หรือ Cathedral of Sant’ Andrea ศาสนสถานสำคัญที่สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 11 ภายในมหาวิหารมีรูปปั้นหินอ่อนแกะสลักของนักบุญ St. Andrew สรรค์สร้างโดยศิลปินเอกแห่งยุคเรเนซองส์อย่าง มิเคลันเจโล (Michelangelo) และงานจิตรกรรมสุดวิจิตรบนเพดานมหาวิหารที่ควรค่าแก่การไปเยี่ยมชม และแน่นอนว่า เมื่อมาเมือง Amalfi แล้ว ก็ต้องไปที่ พิพิธภัณฑ์กระดาษ (Museum of Paper) เพราะเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อการผลิต Bambagina การดาษหนาทำมือนั่นเองค่ะ

Ravello.jpg

Ravello

เมืองริมผา สูง 365 เมตร ที่พบเห็นได้จากโปสการ์ดอยู่บ่อยครั้ง ที่นี่เป็นอีกหนึ่งเพชรเม็ดงามแห่งชายฝั่งอมาลฟีที่ห้ามพลาด โดยเฉพาะ Villa Rufolo คฤหาสน์เก่าแก่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลก อีกทั้งยังเป็นจุดชมวิวริมอ่าวที่สวยมากๆ แห่งหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีพิกัดอื่นๆ ที่ต้องไปเยือน เช่น Villa Cimbrone เพื่อชมสวนดอกไม้แสนสวย, มหาวิหาร Duomo de Ravello ที่ตั้งอยู่ในใจกลางจตุรัส Piazza del Vescovado และ Ceramiche D’Arte Carmela ร้านเครื่องชามเซรามิกชื่อดัง เป็นต้น

Atrani.jpg

Atrani

ต่อด้วย Atrani เมืองที่ขึ้นชื่อว่าเล็กที่สุดในอิตาลี ด้วยพื้นที่เพียง 0.12 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เสน่ห์ของเมืองนี้ลดลงไป แต่กลับเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศอบอุ่นน่ารักของชาวเมืองที่ค่อนข้างเป็นมิตร สถาปัตยกรรมสวยๆ และอาหารทะเลเลิศรส หากอยากชมสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ต้องไปที่ Church of St. Salvatore โบสถ์สวยประจำเมือง แต่ถ้าอยากนอนอาบแดดชิลๆ ล่ะก็ ต้องไปที่ หาด Spiaggia di Atrani เลย!

Capri.jpg

Capri

แม้ว่า Capri จะไม่ได้รวมอยู่ในเมืองริมชายฝั่งอมาลฟี แต่ก็ตั้งอยู่ในส่วนของ อ่าวเนเปิลส์ (Bay of Naples) ที่ตั้งอยู่ในระแวกใกล้ๆ กัน และก็มีนักท่องเที่ยวหลายคนนิยมมาเยือนเกาะแห่งนี้ระหว่างการมาเที่ยวริมชายฝั่งอมาลฟีด้วย ไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้เลยคือ ถ้ำ Blue Grotto ที่เราต้องนั่งเรือลำเล็กลอดผ่านใต้ถ้ำเพื่อชมแสงสีน้ำเงินจากท้องทะเล Tyrrhenian นั่นเองค่ะ เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่น่าอัศจรรย์ใจเป็นอย่างมาก ไม่เพียงเท่านี้ ที่นี่ยังเป็นสวรรค์ของนักปีนเขาและสายลุย โดยจะมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติหลักๆ 3 เส้นทางด้วยกัน ได้แก่  Monte Solaro, The Pizzolungo และ Via Krupp

Praiano.jpg

Praiano

ใครที่ชอบความเงียบสงบและความเป็นส่วนตัวหน่อย ก็ต้องมาที่ Praiano เลยค่ะ เพราะที่นี่เป็นเมืองพักตากอากาศขึ้นชื่อมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 10 แล้ว ภายในเมืองจะเป็นที่ตั้งของร้านอาหารและคาเฟ่บรรยากาศดี รวมถึงพิกัดสายอาร์ตอย่าง Torre a Mare สตูดิโอศิลปะที่ตั้งอยู่ในหอคอยเมือง นอกจากนี้ยังมี เส้นทาง Sentiero Degli Dei แปลว่า "เส้นทางสู่พระเจ้า" เป็นเส้นทางบันไดที่ไต่ระดับจากเชิงเขาไปจนถึงจุดสูงสุดบนยอดเขาเลยค่ะ

Cetara.jpg

Cetara

Seafood เลิฟเวอร์ต้องมาที่ Cetara ที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเล อีกทั้งยังเป็นแหล่งประมงทูน่าที่ใหญ่ที่สุดอีกด้วย ด้านหน้าเมืองจะมี Spiaggia Lannino ชายหาดสีขาวที่ผู้คนนิยมมานอนอาบแดดและว่ายน้ำเล่น แถมยังมีเรือประมงสีสันสดใสจอดเต็มไปหมด ตัดกับตึกอาคารสีครีมและน้ำตาลอ่อนและน้ำทะเลสีฟ้าอย่างลงตัว ใครที่ได้ไป Cetara ในช่วงฤดูร้อนก็อาจจะมีโอกาสได้สัมผัสกับบรรยากาศงานใน วัน St. Peter ที่จะมีการจุดพลุเฉลิมฉลองทุกๆ ปีด้วยเช่นกัน

Vietri sul Mare.jpg

Vietri sul Mare

ปิดท้ายด้วย Vietri sul Mare เมืองที่เปรียบเสมือนเป็นจุดเริ่มต้นของชายฝั่งอมาลฟีถ้าเริ่มจากฝั่งตะวันออก แต่ถ้าเริ่มจากฝั่งตะวันตก เมืองแห่งนี้ก็จะเป็นพิกัดสุดท้ายค่ะ เราจะได้เห็นบ้านเมืองสีน้ำตาลอ่อนตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา Monte San Liberatore รวมถึงชายหาดขนาดใหญ่มาแต่ไกล Vietri sul Mare ขึ้นชื่อเรื่องการผลิตกระเบื้องจานชามที่มีลวดลายเป็นเอกลักษณ์ เพียงแค่เดินเข้าไปในเมืองเราก็จะเห็นร้านค้าขายเครื่องกระเบื้องสีสันสดใสเต็มข้างทาง ใครไปเมืองนี้แล้วไม่มีชิ้นงานสวยๆ ติดไม้ติดมือกลับบ้านสักชิ้นสองชิ้นก็ถือว่ามาไม่ถึงค่ะ

Sicily.jpg

Sicily

เกาะที่ใหญ่ที่สุดทะเลเมดิเตอร์เรเนียนซิซิลี เป็นบริเวณพื้นที่อิสระของอิตาลีที่ประกอบด้วยเกาะขนาดเล็กหลายแห่งด้วย เกาะแห่งนี้แยกออกจากพื้นที่แผ่นดินใหญ่ของ Calabria ตามช่องแคบเมริสสา บ้านในเกาะแห่งนี้ล้วนแล้วแต่เป็นบ้านแห่งอารยธรรมเมดิเตอร์เรเนียนทุกแห่งที่เปี่ยมไปด้วยศิลปะและคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ลักษณะทางธรณีวิทยาที่โดดเด่นที่สุดของเกาะนี้คือ Mount Etna ภูเขาไฟที่สูงที่สุดในยุโรป

Monreale.jpg

Monreale

โบสถ์แห่ง Monreale สะท้อนให้เห็นถึงการเมืองทางศาสนาและศิลปะที่สูงแห่งซิซิลีภายใต้ Normans และในการทำเช่นนั้นก็ยังประสบความสำเร็จในประวัติศาสตร์ศิลปะของยุโรปยิ่งน่าทึ่งมากขึ้นเพราะยังคงมีอยู่ในปัจจุบันเกือบจะเหมือนกับที่สร้างขึ้นในยุค 1100 สถาปัตยกรรมนี้แสดงให้เห็นถึงการย้ายออกไปจากรูปแบบไบแซนไทน์ตะวันออก แต่การตกแต่งด้วยภาพโมเสคที่สุกใสถือว่าเป็นจุดเด่นที่โดดเด่นของคริสตจักร - รักษาไว้อย่างมั่นคงในขนบประเพณีของอาณาจักร Byzantine พวกเขาครอบคลุมทุกพื้นผิวที่มีอยู่ในภาพประกอบที่สลับซับซ้อนของข้อความในพระคัมภีร์และธีมที่สร้างขึ้นด้วยสีสันที่สดใสและด้วยความยอดเยี่ยมทางศิลปะที่โดดเด่น

หุบเขาวัดในอากริเจนโต.jpg

หุบเขาวัดในอากริเจนโต

วัดและสุสานที่มีขนาดใหญ่ใน Agrigento มีวันที่ย้อนกลับไปถึง 500 ปีก่อนคริสต์ศักราชและรวมถึงวิหาร Doric ที่ได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างดีที่สุดในซิซิลี - Tempio di Concordia - หนึ่งในที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่จะอยู่รอดได้ทุกที่ พร้อมกับในกลุ่มตะวันออกคือ Tempio di Juno Lacinia, เกือบจะมีขนาดใหญ่และในกลุ่มตะวันตกคือ วัด Zeus ของ Olympianที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขาที่ 40 เมตร แต่ล้มด้วยแผ่นดินไหว Doric แบบวงกลม Tempio di Heraclesยังอยู่ในกลุ่มตะวันตกถูกทำลายโดย Carthaginians และสร้างขึ้นใหม่โดยชาวโรมันเพียงเพื่อจะถูกทำลายบางส่วนในแผ่นดินไหว ทั้งกลุ่มมีชื่อเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก

Cappella Palatina.jpg

Cappella Palatina

โบสถ์ใหญ่สองแห่งของปาแลร์โม Cappella Palatina และ Santa Maria dell'Ammiraglio หรือที่รู้จักกันดีว่า La Martoranaเป็นที่เลื่องลือในโมเสสของพวกเขา ผู้ที่อยู่ในพลับพลาของคริสตจักรนอร์แมนของ Cappella Palatina คิดว่ามาจาก ค.ศ. 1143 และภาพโมเสคของพระเยซูคริสต์ระหว่างปีเตอร์กับพอลตั้งแต่ปี ค.ศ. 1350

Selinunte.jpg

Selinunte

เป็นเมืองโบราณที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของซิซิลีมีวัดกรีกแปดแห่งย้อนหลังไปถึงศตวรรษที่สิบห้ารวมทั้งวิหาร Temple of Demeter ในบริเวณใกล้เคียง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือกลุ่มตะวันออกที่มีข้อความกำกับว่าเป็นตัวอักษร: Temple G สำหรับขนาดที่น่าประทับใจและ Temple E สำหรับความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมซึ่งถือว่าเป็นจุดชมวิวในยุคคลาสสิก

โรงละครกรีก.jpg

โรงละครกรีก

หนึ่งในโรงละครที่ใหญ่ที่สุดในจักรวรรดิกรีกโบราณเป็นเหตุผลที่ดี แต่ไม่ใช่เพียงแห่งเดียวในการเยี่ยมชมอุทยานโบราณคดีในซีราคิวส์ มุมมองของการขุดค้นในขณะที่คุณเข้าใกล้ Viale Rizzo จะทำให้คุณเห็นถึงขอบเขตของพวกเขาซึ่งรวมถึง โรงละครกรีก และใหญ่ โรมันอัฒจันทร์. ขนาดใหญ่ แท่นบูชาของ Hiero II วันที่จากศตวรรษที่สามศตวรรษที่สิบสี่หลังจากศตวรรษที่ 15,000

Taormina.jpg

Taormina

เมืองที่สวยงามที่สุดในซิซิลี Taormina จะเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวแม้จะไม่มีความงดงาม โรงละครกรีก และมุมมองที่เป็นสัญลักษณ์ของ ภูเขาไฟ Etna. ถนนของ Taormina เปิดสู่ลานระเบียงแต่ละหลังมีทิวทัศน์ของทะเลหรือภูเขาที่สวยงามโปสการ์ด Corso Umberto เป็นถนนสายหลักที่ข้ามเมืองในชุดของสี่เหลี่ยมและระเบียงและเรียงรายไปด้วยอาคารที่เคารพร้านค้าสมาร์ทและคาเฟ่แบบเปิดโล่ง

หมู่เกาะ Aeolian.jpg

หมู่เกาะ Aeolian

เกาะเจ็ดแห่งนี้มีต้นกำเนิดจากภูเขาไฟและบางส่วนที่ยังคงใช้งานอยู่ไม่ไกลจากชายฝั่งทางเหนือของซิซิลีและไปถึงได้โดยเรือจาก Messina หรือ Milazzo ที่รู้จักกันดีที่สุดคือบางที Stromboliซึ่งดอกไม้ไฟของพวกเขาจะส่องลงบนท้องฟ้าในแต่ละคืนเพื่อความสุขของผู้โดยสารบนเรือล่องเรือซึ่งเวลาออกเดินทางของพวกเขาสำหรับการแสดง กิจกรรมภูเขาไฟได้สร้างแนวชายฝั่งที่สวยงามของขรุขระโขดหินขรุขระรวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ

พิพิธภัณฑ์โบราณคดีปาแลร์โม.jpg

พิพิธภัณฑ์โบราณคดีปาแลร์โม Dan Bock / photo modified

ในสถานที่เต็มไปด้วยเว็บไซต์กรีกโรมันและก่อนหน้านี้คุณจะคาดหวังว่าจะได้พบพิพิธภัณฑ์ที่น่าประทับใจจำนวนมาก และคุณจะทำถูกต้อง พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดเขาทั้งหมดและเป็นหนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดในอิตาลี ในบรรดาจุดเด่นของมันคือปาแลร์โมสโตนที่มีอักษรอียิปต์โบราณที่เขียนอักษรอียิปต์โบราณไว้ในรายการฟาโรห์อียิปต์ในวันที่สามและสี่พันปีก่อนคริสต์ศักราชรูปปั้นของเทพเจ้าซุสแห่งศตวรรษที่สองอันใหญ่โต

วิหาร.jpg

วิหารCefalù

อาคารยุคกลางที่น่าสนใจที่สุดแห่งหนึ่งของซิซิลีซึ่งเป็นมหาวิหารที่สร้างขึ้นได้สร้างขึ้นดังนั้นตำนานจึงมีขึ้นโดยนอร์แมนกิ่งโรเจอร์ที่สองเพื่อเป็นตัวช่วยในการรอดชีวิตจากพายุในทะเล โบสถ์เป็นหนังสือประวัติศาสตร์ของชาวซิซิลีที่มีสถาปัตยกรรมและเครื่องเรือนสะท้อนถึงคลื่นลูกแห่งการพิชิตประวัติศาสตร์ของเกาะเกือบทุกครั้ง

Tuscany.jpg

เมือง Tuscany

เป็นชื่อของแคว้นที่มีชื่อเสียงในอิตาลี ที่ประกอบไปด้วยภาพภูเขาที่สวยงาม สวนมะกอก สวนองุ่น และค้นไซเปรส ความสุขของการท่องเที่ยวเมืองแห่งนี้จึงหนีไม่พ้นการชิมไวน์ใน Chianti ไปผ่อนคลายที่เมืองบนเนินเขา เช่น San Gimignano หรือเที่ยวชมศิลปะ Renaissance ในเมืองฟลอเรนซ์ หรือจะไปเที่ยวชม Elba ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะ Tuscan ซึ่งมีชายหาดที่ยอดเยี่ยมอีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์อีกแห่งที่เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ได้รับความนิยมมากแห่งหนึ่งในอิตาลี และยังมี Pisa ที่มีหอเอนปิซาที่มีชื่อเสียงโด่งดังอีกด้วย

Montepulciano.jpg

Montepulciano

ตั้งอยู่บนสันเขาหินปูนสูง 600 เมตร (2, 00 ฟุต) เป็นเมืองยุคกลางทางตอนใต้ของแคว้นทัสคานี เมืองที่เต็มไปด้วยพระราชวังยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาที่สง่างามโบสถ์โบราณสี่เหลี่ยมที่มีเสน่ห์และมุมที่ซ่อนเร้นนั้นมีภาพพาโนรามาอันกว้างใหญ่มากมายทั่ว Val d'Orcia และหุบเขา Val di Chiana ที่ล้อมรอบ เมืองนี้มีชื่อเสียงด้านไวน์ด้วย นักเลงพิจารณา Vino Nobile ของอิตาลีที่ดีที่สุด

Val d'Orcia.jpg

Val d'Orcia

เป็นภูมิภาคที่งดงามซึ่งประกอบไปด้วยหมู่บ้านที่น่าตื่นตาตื่นใจปราสาทปราสาทหมู่บ้านและไร่นา พื้นที่ทั้งหมดได้รับการคุ้มครองเป็นอุทยานธรรมชาติ ไม่ควรพลาดปราสาทยุคกลางและหมู่บ้าน Pienza เรียกว่า "เมืองในอุดมคติ" หมู่บ้านที่มีชื่อเสียงอื่น ๆ ได้แก่ Radicofani และ Montalcino ซึ่งมีป้อมปราการสมัยศตวรรษที่ 14 เสนอทิวทัศน์อันตระการตาของหุบเขาและไวน์ที่ดีที่สุดของภูมิภาค

เอลบา.jpg

เอลบา

เป็นส่วนหนึ่งของ Tuscan Archipelago นอกชายฝั่งตะวันตกของอิตาลี Elba เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นสถานที่เนรเทศสำหรับคนใหญ่คนโตและคนส่วนใหญ่รวมถึงการเยี่ยมชมบ้านฤดูร้อนและฤดูหนาวของเขาในขณะที่เยี่ยมชมเกาะ เกาะที่ใหญ่เป็นอันดับสามของอิตาลีมีชายหาดมากกว่า 150 แห่งตั้งแต่หาดทรายกว้างไปจนถึงอ่าวเวิ้งอ่าว จุดหมายยอดนิยมของชายหาดรวมถึงรีสอร์ตของ Marina di Campo, ทรายละเอียดละเอียดของ Procchio และน่านน้ำสีฟ้าในฝันของ Fetovia

ซานจิมิกนาโนSan.jpg

ซานจิมิกนาโน San  Gimignano

delle Belle Torri เป็นเมืองเล็ก ๆ ในยุคกลางที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่แปด มันอาจจะเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงที่สุดของทัสคานี San Gimignano มีอาคารยุคกลาง 14 แห่งจาก 72 อาคารที่ครั้งหนึ่งเคยมีอยู่และสามารถมองเห็นสวนมะกอกและไร่องุ่นที่งดงาม นักเดินทางที่ต้องการทราบว่าชาวทัสกันเป็นอย่างไรในยุคกลางต้องมาที่ซานจิมิกนาโนและเดินเล่นไปตามถนนหินกรวดแคบ

ลุคคา.jpg

ลุคคา

หนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมใน Tuscany Lucca น่าจะเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของกำแพงยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาและศูนย์กลางยุคกลางที่ล้อมรอบ ภายในเมืองมีโบสถ์และสวนที่สวยงามมากมาย Duomo San Martino เป็นที่เก็บสมบัติทางประวัติศาสตร์มากมายเช่น Last Supper ของ Tintoretto และ Tomb of Ilaria del Carretto Pallazzo Pfanner มีสวนสไตล์บาโรกที่สวยงามและโบสถ์ San Michele มีพิพิธภัณฑ์น่ารัก

ภูมิภาคไวน์.jpg

ภูมิภาคไวน์ Chianti

เนื้อหาที่น่าทึ่งที่สุดของทัสคานี ภูมิภาค Chianti รวมถึงฟลอเรนซ์และเซียนาและทุกพื้นที่ระหว่าง แต่ก็ยังรวมถึงพื้นที่ทางตะวันตกผ่าน Val d'Elsa และไปทางทิศตะวันออกผ่านวัลดาร์โน ภายใน Chianti นักท่องเที่ยวสามารถขับรถผ่านไร่องุ่นตำบลที่มีเสน่ห์และบ้านในชนบทสวนมะกอกและเนินเขาเขียวขจี นอกจากหมู่บ้านที่น่ารักและชนบทที่งดงามแล้ว Chianti ยังเสนอชิมไวน์ให้ตายด้วย

ปิซา.jpg

ปิซา

ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Arno ในภูมิภาคตะวันตกเฉียงเหนือของ Tuscany เมืองปิซายังคงมีซากที่โดดเด่นของอดีตยุคทองในฐานะอาณาจักรการค้าในยุคกลาง ในขณะที่ปิซาเป็นที่รู้จักกันดีที่สุดสำหรับหอเอนที่มีชื่อเสียง แต่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายในเมืองนี้ที่ควรค่าแก่การเยี่ยมชม 

Siena.jpg

Siena

ก่อตั้งขึ้นบนเนินเขาทั้งสามในใจกลางทัสคานีให้นักท่องเที่ยวย้อนกลับไปสู่ยุคกลางด้วยศูนย์ประวัติศาสตร์ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีและประเพณีการแข่งม้าในยุคกลางที่รู้จักกันในชื่อ Il Palio ศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของเซียนาเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการเยี่ยมชมใน Tuscany เนื่องจากยังคงมีงานศิลปะและสถาปัตยกรรมที่น่าทึ่งมากมายในช่วงเวลาดังกล่าว

ฟลอเรนซ์.jpg

ฟลอเรนซ์

เมืองหลวงของทัสคานี, ฟลอเรนซ์มักถูกอธิบายว่าเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งขนาดมหึมาเนื่องจากมีงานศิลปะและสมบัติทางสถาปัตยกรรมมากมาย ผลงานศิลปะชิ้นเอกของเมืองฟลอเรนซ์ตั้งอยู่ทั่วเมืองภายในพิพิธภัณฑ์จำนวนมากโบสถ์ที่น่าทึ่งเช่นโดมซานตามาเรียเดลฟิออเรและหอศิลป์ที่มีชื่อเสียงระดับสากลเช่น Ufizzi และ Pitti

พิซซ่า.jpg

อาหารขึ้นชื่อในอิตาลี

พิซซ่า: อาหารอิตาเลียนที่เป็นแก่นสาร

พิซซ่าเป็นขนมปังแฟลตเบรดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดซึ่งมีต้นกำเนิดในเนเปิลส์ในปลายศตวรรษที่ 18 เมนูยอดนิยมของอาหารอิตาเลียนจานนี้ "พิซซ่า มาร์เกอริตา" ได้รับการตั้งชื่อตามสมเด็จพระราชินีมาร์เกอริตาแห่งซาโว พิซซ่ามีหลากหลายแบบนับไม่ถ้วน โดยแต่ละแบบจะมีท็อปปิ้งและรสชาติที่แตกต่างกันไป พิซซ่าที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ Margherita (ซอสมะเขือเทศ มอสซาเรลล่า และใบโหระพา) เปปเปอโรนี (ซอสมะเขือเทศ มอสซาเรลลา และเปปเปอร์โรนี) และฮาวายเอี้ยน (ซอสมะเขือเทศ มอสซาเรลลา แฮม และสับปะรด) ถือได้ว่าเป็นอาหารที่ดีที่สุดในอิตาลี

แหล่งกำเนิดสินค้า: เนเปิลส์, อิตาลี

ลาซานญ่า.jpg

ลาซานญ่า: พาสต้าจานเป็นชั้นจากอิตาลี

ลาซานญ่าเป็นอาหารอิตาเลียนแบบดั้งเดิมที่ประกอบด้วยชั้นของพาสต้า ชีส และซอสเนื้อที่ทำจากมะเขือเทศ เป็นหนึ่งในอาหารยอดนิยมของอาหารอิตาเลียนที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก อาหารอิตาเลียนนี้ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในช่วงยุคกลางและส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น โดยแต่ละครอบครัวจะเพิ่มสัมผัสที่ไม่เหมือนใคร ไม่ว่าคุณจะชอบลาซานญ่าเนื้อแบบคลาสสิกหรือแบบมังสวิรัติ ก็มีสูตรที่เหมาะกับรสนิยมของคุณ

แหล่งกำเนิดสินค้า: เอมีเลีย

Ragu alla Bolognese.jpg

Ragu alla Bolognese: อาหารประจำชาติของอิตาลี

ความเข้มข้นของเนื้อสัตว์สีน้ำตาล รสหวานของมะเขือเทศ และกลิ่นสมุนไพรของเครื่องเทศอิตาลีหลากหลายชนิด ทำให้ Ragu alla Bolognese เป็นหนึ่งในอาหารอิตาเลียนที่อร่อยที่สุด พาสต้าจานนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นอาหารประจำชาติของอิตาลี มีเนื้อสัมผัสที่เข้มข้นและนุ่มเนื่องจากการเตรียมที่กว้างขวาง นอกจากการทำให้เหงื่อออก การผัด และการตุ๋นแล้ว สเต็กยังถูกตัดด้วยมือเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่ต้องการ

แหล่งกำเนิดสินค้า: โบโลญญ

ริซอตโต้.jpg

ริซอตโต้: อาหารจานหลักแบบคลาสสิก

ริซอตโต้เป็นอาหารอิตาเลียนแบบดั้งเดิมที่ทำจากข้าวเมล็ดสั้นชนิดพิเศษที่เรียกว่า Arborio ข้าวค่อยๆ หุงในน้ำซุปจนเป็นครีมและนุ่ม โดยทั่วไปแล้วจานนี้จะเสิร์ฟเป็นอาหารจานหลักและอัดแน่นไปด้วยส่วนผสมที่หลากหลาย เช่น ผัก อาหารทะเล เนื้อ ชีส ฯลฯ รสชาติของริซอตโต้จะแตกต่างกันไปตามส่วนประกอบ แต่โดยทั่วไปจะเข้มข้น ครีม และมีรสชาติ พื้นผิวก็เป็นส่วนสำคัญของอาหารเช่นกัน เพราะการได้เนื้อสัมผัสที่เหมาะสมนั้นเป็นเคล็ดลับ ข้าวต้องหุงจนแข็งเล็กน้อย

แหล่งกำเนิดสินค้า: Lombardy โดยเฉพาะในเมืองมิลาน

Gnocchi.jpg

Gnocchi: อาหารที่อร่อยและไม่เหมือนใคร

Gnocchi เป็นอาหารอิตาเลียนแบบดั้งเดิมที่โดยทั่วไปทำจากมันฝรั่ง แป้ง และไข่ และมักเสิร์ฟแทนพาสต้า อาหารที่มีชื่อเสียงในอิตาลีมีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งมักจะอธิบายว่านุ่มและแน่น เชื่อกันว่าถูกคิดค้นโดยชาวโรมันโบราณ ซึ่งเป็นผู้คิดค้นอาหารที่คล้ายกันซึ่งทำจากแป้งเซโมลินา คุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของ gnocchi คือเนื้อสัมผัสที่ละเอียดอ่อน เป็นเมนูที่อร่อยไม่ซ้ำใครจากเมนูอาหารอิตาเลี่ยนที่ควรลองอย่างยิ่ง

แหล่งกำเนิดสินค้า: ภาคเหนือของอิตาลี โดยเฉพาะในแคว้นลอมบาร์ดี พีดมอนต์ และฟรีอูลี-เวเนเซีย จูเลีย

Ravioli.jpg

Ravioli: จานพาสต้ายัดไส้

ราวิโอลีเป็นพาสต้ายัดไส้ที่สามารถเสิร์ฟกับซอสต่างๆ ได้ เช่น ซอสมะเขือเทศ ซอสครีม ซอสเพสโต้ และซอสเนย นอกจากนี้ยังสามารถอบกับชีสและเสิร์ฟเป็นหม้อปรุงอาหารได้อีกด้วย ราวิโอลีเป็นอาหารที่หลากหลายและขึ้นชื่อเรื่องรสชาติที่อร่อย คุณลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งของราวิโอลีคือไส้ที่วางอยู่ตรงกลางของพาสต้าแต่ละชิ้น ไส้ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ ริคอตต้าชีส ผักโขม เนื้อสัตว์ และอาหารทะเล

แหล่งกำเนิดสินค้า: เจนัว

Bagna Cauda.jpg

Bagna Cauda: ซอสคลาสสิกสำหรับเทศกาล

Bagna Cauda เป็นซอสอิตาเลียนคลาสสิกที่มักเสิร์ฟในช่วงเทศกาล ชื่อของมันมีความหมายตามตัวอักษรว่า "อ่างน้ำร้อน" และหมายถึงวิธีการเสิร์ฟ เช่น การแช่ผักและขนมปังอุ่นๆ เดิมทีทำโดยคนเลี้ยงแกะที่ใช้มันเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นในคืนที่หนาวเย็นบนภูเขา และตั้งแต่นั้นมา มันก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของประเพณีการทำอาหารอิตาลี เป็นซอสที่สมบูรณ์แบบสำหรับผักฤดูหนาว เช่น บรอกโคลี ดอกกะหล่ำ และแครอท แต่ยังสามารถใช้เป็นเครื่องจิ้มขนมปัง แครกเกอร์ และของว่างอื่นๆ ได้อีกด้วย

แหล่งกำเนิดสินค้า: แคว้นปิเอมอนเตของอิตาลี

สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า.jpg

สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า: พาสต้าอิตาเลียนคลาสสิก

สปาเก็ตตี้คาโบนาร่าเป็นพาสต้ายอดนิยมของอิตาลี ซึ่งทำจากเส้นสปาเก็ตตี้ ไข่ ชีส และเบคอนหรือแพนเซ็ตต้า อาหารจานนี้ขึ้นชื่อเรื่องเนื้อครีมและรสชาติที่เข้มข้นและเผ็ดร้อน เชื่อกันว่าเกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ XNUMX โดยทหารอเมริกันหรือคนงานถ่านชาวอิตาลี ไม่เหมือนพาสต้าจานอื่นที่ใช้ซอสมะเขือเทศหรือซอสครีม ซอสสำหรับสปาเก็ตตี้คาโบนาร่าทำโดยตีไข่และชีสขูดให้เข้ากัน จากนั้นนำไปปรุงกับเบคอนหรือแพนเซ็ตต้าเพื่อสร้างครีมซอสที่อร่อย

แหล่งกำเนิดสินค้า: กรุงโรม

ทีรามิสุ.jpg

ทีรามิสุ: ของหวานยอดนิยมของอิตาลี

ทีรามิสุเป็นขนมอิตาเลียนแสนอร่อยที่มีเนื้อครีมเข้มข้นละลายในปาก มีรสหวานและมีความขมเล็กน้อย ของหวานชิ้นนี้มีรสชาติของกาแฟที่โดดเด่นและเข้ากันได้ดีกับความหวานของครีม เชื่อกันว่าคิดค้นโดยเชฟขนมอบที่ต้องการสร้างของหวานเพื่อเพิ่มพลังงานอย่างรวดเร็ว ทีรามิสุมักเสิร์ฟแบบแช่เย็นและอาจโรยหน้าด้วยผงโกโก้หรือช็อกโกแลตขูด

แหล่งกำเนิดสินค้า: เวเนโต

Osso Buco.jpg

Osso Buco: อาหารมิลานแบบดั้งเดิม

Osso Buco เป็นอาหารอิตาเลียนคลาสสิกที่ทำจากขาลูกวัวตุ๋นกับผัก ไวน์ขาว และน้ำซุปอย่างช้าๆ Osso Buco แปลว่า "กระดูกที่มีรู" ในภาษาอิตาลี ซึ่งหมายถึงกระดูกที่เต็มไปด้วยไขกระดูกที่อยู่ตรงกลางขาลูกวัว จานนี้เป็นส่วนหนึ่งของอาหารอิตาเลียนตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 และกลายเป็นอาหารหลักในร้านอาหารอิตาเลียนหลายแห่ง ถือเป็นอาหารทานง่ายและได้รับความนิยมเป็นพิเศษในช่วงอากาศหนาวเย็น เดือน.มัน มีรสชาติเข้มข้นและเผ็ดร้อนพร้อมเนื้อนุ่มหลุดออกจากกระดูก โดยทั่วไปจะเสิร์ฟพร้อมกับ Risotto alla Milanese

แหล่งกำเนิดสินค้า: มิลาน

Cannoli.jpg

Cannoli: ขนมซิซิลี

Cannoli เป็นขนมอบอิตาเลียนแบบดั้งเดิมที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกด้วยรสชาติที่อร่อยและรูปลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร มีความกรอบนอกกรุบกรอบและไส้ครีมที่นุ่มละมุน ไส้มักจะทำจากส่วนผสมของริคอตต้าชีส น้ำตาลผง และสารสกัดวานิลลา ซึ่งให้รสชาติที่เข้มข้นและครีมมี่ ว่ากันว่าขนมนี้ถูกสร้างขึ้นโดยแม่ชีชาวซิซิลีซึ่งจะทำขึ้นเพื่อเป็นขนมสำหรับเทศกาลคาร์เนเวล เมื่อเวลาผ่านไป Cannoli กลายเป็นของหวานยอดนิยมในอาหารซิซิลี และต่อมาได้รับการแนะนำให้รู้จักในส่วนที่เหลือของอิตาลีและทั่วโลก

แหล่งกำเนิดสินค้า: เกาะซีซิลิ

Bruschetta.jpg

Bruschetta: อาหารเรียกน้ำย่อยยอดนิยมของอิตาลี

Bruschetta เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยยอดนิยมของอิตาลีที่มักประกอบด้วยขนมปังปิ้งแผ่น ราดหน้าด้วยส่วนผสมของมะเขือเทศสด กระเทียม น้ำมันมะกอก และใบโหระพา อาหารรสเผ็ดและมีรสเปรี้ยวเล็กน้อยนี้มีต้นกำเนิดในภาคกลางของอิตาลี ซึ่งชาวไร่นิยมรับประทานตามประเพณีเพื่อใช้ขนมปังเก่า โดยรวมแล้ว Bruschetta เป็นอาหารง่ายๆ แต่อร่อยที่นำเสนอรสชาติของวัตถุดิบสดใหม่คุณภาพสูง

แหล่งกำเนิดสินค้า: ลาซิโอ

Arancini.jpg

Arancini: ข้าวปั้นผัดซิซิลี

Arancini เป็นอาหารอิตาเลียนยอดนิยมที่มีต้นกำเนิดในซิซิลี เป็นข้าวปั้นชุบเกล็ดขนมปังทอดและใส่เครื่องปรุงรสต่างๆ เช่น เนื้อ ซอสมะเขือเทศ และชีส รสชาติของ Arancini นั้นกรอบนอกนุ่มในและเคี้ยวหนึบๆ พร้อมรสชาติและเนื้อสัมผัสของเนื้อสัตว์ ชีส และผัก จานนี้ยังมีรสหวานและรสเปรี้ยวเพราะซอสมะเขือเทศ

แหล่งกำเนิดสินค้า: เกาะซีซิลิ

Panettone.jpg

Panettone: อาหารสำหรับเทศกาลในอิตาลี

Panettone เป็นขนมปังหวานที่เดิมนิยมรับประทานในช่วงเทศกาลคริสต์มาส

มีเนื้อสัมผัสนุ่มฟูและรสหวานเนย โดยทั่วไปจะประกอบด้วยผลไม้แห้ง เช่น ลูกเกดและเปลือกส้มเชื่อม ซึ่งเพิ่มรสเปรี้ยวเล็กน้อยและเนื้อสัมผัสที่เคี้ยวได้ ขนมปังยังมีเครื่องเทศเล็กน้อยด้วยสารสกัดวานิลลาและอัลมอนด์ เนื้อนุ่มฟูและรสหวานของผลไม้ทำให้เป็นขนมที่สมบูรณ์แบบสำหรับทุกโอกาส

แหล่งกำเนิดสินค้า: มิลาน

Saltimbocca alla Romana.jpg

Saltimbocca alla Romana: อาหารโรมันคลาสสิก

Saltimbocca alla Romana เป็นอาหารโรมันคลาสสิกซึ่งแปลว่า "กระโดดเข้าปาก" อย่างแท้จริง และขึ้นชื่อเรื่องเนื้อสัมผัสที่ละเอียดอ่อน ประกอบด้วยเนื้อลูกวัวทอดปรุงรสด้วย prosciutto และใบเซจสด จากนั้นนำอาหารอิตาเลียนแบบดั้งเดิมไปผัดในกระทะด้วยเนยและไวน์ขาว ซึ่งให้รสชาติเข้มข้นอร่อย โดยปกติจะเสิร์ฟเป็นคอร์สที่สอง รองจากแอนติพาสโต และก่อนอาหารจานหลัก มีการผสมผสานของรสชาติที่ไม่เหมือนใครซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบอาหารอิตาเลียน

แหล่งกำเนิดสินค้า: ลาซิโอ

Polenta.jpg

Polenta: อาหารปราศจากกลูเตนจากอาหารอิตาเลียน

Polenta เป็นอาหารอิตาเลียนยอดนิยมที่ทำจากข้าวโพดต้ม อาหารที่มีรสชาติคล้ายถั่วหรือดินนี้มีต้นกำเนิดมาจากทางตอนเหนือของอิตาลี เป็นอาหารหลักในภูมิภาคนี้มานานหลายศตวรรษ เนื้อสัมผัสของ Polenta มีลักษณะเป็นเม็ดเล็ก ๆ และมีรสหวานเล็กน้อย เป็นอาหารอเนกประสงค์ที่สามารถเสิร์ฟกับซอส ผัก และเนื้อสัตว์ได้หลากหลายชนิด บางสูตรก็ต้องใช้นมหรือครีมเพื่อให้โพเลนต้าเข้มข้นขึ้นและมีครีมมากขึ้น

แหล่งกำเนิดสินค้า: ภาคเหนือของอิตาลี

T Fondaco dei Tedeschi by DFS.png

หอการค้าที่น่าไปในอิตาลี

T Fondaco dei Tedeschi by DFS

https://maps.app.goo.gl/JKhmc2QpweKfUj1t9

Designer Outlet Noventa di Piave.png

Designer Outlet Noventa di Piave

https://maps.app.goo.gl/xKE9gdryo6oHiWj1A

Libreria Antiquaria Vecchi Libri.png

Libreria Antiquaria Vecchi Libri

https://maps.app.goo.gl/fXYfJijnaBfHXNBN8

Prada.jpg

แบรนด์เนมในอิตาลี

Prada

ด้วยความที่ Prada เป็นแบรนด์ของอิตาลี ที่เริ่มต้นมาจากร้านเครื่องหนังเล็กๆ ในมิลาน  ดังนั้นสินค้าต่างๆ ของแบรนด์นี้ในประเทศอิตาลีย่อมถูกกว่าประเทศอื่นๆ อย่างแน่นอน โดย Prada ได้ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1913 ปัจจุบันบริหารงานโดย Patrizio Bertelli และมียอดขายที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดดเด่นด้วยดีไซน์หรูหรา สง่างาม ล้ำสมัย  และความปราณีตในกระบวนการตัดเย็บและขบวนการผลิต  มีสินค้าที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นกระเป๋าจากหนังนกกระจอกเทศ นอกจากนั้นยังมีกระเป๋า เสื้อผ้า และสินค้าแฟชั่นมากมายที่รับรองว่าราคาถูกกว่าที่ไทย และอินเทรนด์กว่าอย่างแน่นอน

Fendi.jpg

Fendi 

แบรนด์เนมชั้นนำที่ก่อตั้งขึ้นที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี ในปี 1925 โดย Adele Casagrande มีสาขามากกว่า 117 สาขาทั่วโลกในปัจจุบัน  โดดเด่นด้วยกระเป๋าสีเอิร์ธโทนสุดหรู สำหรับสินค้ายอดนิยมต้องยกให้กระเป๋าถือรุ่น Baguette Fendi ที่ครองใจสาวๆ มายาวนานและมียอดขายดีอย่างต่อเนื่อง  ซึ่งหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำและ Shop ใหญ่ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี รับรองในเรื่องราคาว่าถูกกว่าทุกประเทศทั่วโลกแน่นอน

Gucci.jpg

Gucci

อีกแบรนด์ดังที่มีต้นกำเนิดในประเทศอิตาลี โดยมีต้นกำเนิดอยู่ที่เมืองแห่งศิลปะอย่างเมืองฟลอเรนซ์ เป็นแบรนด์เก่าแก่ที่เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกและมีชื่อเสียงมายาวนาน จึงมีสินค้าแฟชั่นที่ค่อนข้างครอบคลุมทั้งกระเป๋า รองเท้า เครื่องหนังต่างๆ ไปจนถึงหมวกหรือนาฬิกา สัญลักษณ์ของ Gucci เป็นที่คุ้นตาของคนทั่วโลกด้วยอักษร G 2 ตัวไขว้กัน  เป็นแบรนด์ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว และผงาดเป็นแบรนด์ชั้นนำสำหรับวงการแฟชั่น และเป็นอีกแบรนด์ ราคาถูกและคุ้มมากหากซื้อที่อิตาลี ใครชื่นชอบและใฝ่ฝันจะเป็นเจ้าของแบรนด์นี้อยู่หิ้วกลับมาคุ้มแน่นอน

Dior.jpg

Dior

แบรนด์ชั้นนำที่โดดเด่นในวงการแฟชั่นอีก 1 แบรนด์  แบรนด์นี้เป็นแบรนด์ที่โดดเด่นด้วยการออกแบบที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร มีความโก้ที่แฝงไปด้วยความอ่อนหวานและหรูหรา สินค้ามักมีเทคนิคและลูกเล่นเก๋ๆ ซ่อนอยู่   จึงทำให้เป็นที่นิยมของสตรีสังคมชั้นสูงในอดีตของยุโรป ไม่ว่าจะเป็นเชื้อพระวงศ์ เซเลป คนที่มียศศักดิ์หรือภรรยาของปู้นำประเทศก็ล้วนแล้วแต่เป็นลูกค้า Dior แหล่งช้อปปิ้ง Dior ราคาดีในอิตาลีคือ The mall luxury outlet ที้มืองฟลอเรนซ์

Louis Vuitton.jpg

Louis Vuitton

หรือที่เรียกกันเก๋ๆ ว่า LV แบรนด์ที่ยังคงครองอันดับ 1 ของแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก แบรนด์นี้โดดเด่นในเรื่องของดีไซน์สไตล์วินเทจ ดูสวยเก๋ และด้วยความที่เป็นแบรนด์ที่เป็นอันดับหนึ่งในเรื่องของมูลค่าที่สูงที่สุดนี้เอง แน่นอนว่าราคาที่ขายในเมืองไทยนั้นย่อมสูงจนคิดแล้วคิดอีกที่จะซื้ออย่างแน่นอน ดังนั้นหากใครชื่นชอบและใฝ่ฝันที่จะครอบครองกระเป๋าแบรนด์นี้แล้วเมื่อมีโอกาสไปอิตาลี ที่ราคาจำหน่ายถูกกว่าไทยอย่างมากจึงไม่ควรพลาดที่จะจับจองหิ้วกลับไทยกัน

Emilio Pucci.jpg

Emilio Pucci 

แบรนด์ผ้าพันคอที่ผลิตจากผ้าไหมอย่างดี เนื้อผ้าดี มีลวดลายเก๋ๆ มากมายให้เลือกช้อป และยังเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในวงการแฟชั่นมายาวนาน เป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งขึ้นที่เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี เป็นหนึ่งในแบรนด์แฟชั่นชั้นนำที่ราคาไม่แพงเหมาะแก่การเลือกซื้อกลับไปเป็นของฝาก  แหล่งซื้อราคาดีคือ The mall luxury outlet เมืองฟลอเรนซ์บ้านเกิดของ

แบรนด์นี้นั่นเอง

Roberto Cavalli Glasses.jpg

Roberto Cavalli Glasses

แบรนด์แว่นตาที่ดีไซน์เนอร์ของแบรนด์นี้เป็นชาวฟลอเรนซ์ จึงเป็นที่นิยมของคนในเมืองเป็นอย่างมาก แว่นตาของแบรนด์นี้ได้รับการออกแบบที่ดูมีสไตล์เป็นของตัวเองอย่างเท่ๆ ชิค จึงดูดีและโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์  สามารถหาซื้อได้ในราคาที่ดีที่ The mall luxury outlet

ฟลอเรนซ์เช่นกัน

Salvatore Ferragamo.jpg

Salvatore Ferragamo

อิตาลีนั้นขึ้นชื่อในด้านของการผลิตรองเท้าที่มีดีไซน์ที่ไม่ว่าจะเป็นส้นสูง บู้ท คัชชูหุ้มส้น ไปจนถึงรองเท้าแตะที่สวมใส่ธรรมดาก็ล้วนแล้วแต่ประณีต สวยงาม สวมใส่สบายและคงทน แบรนด์นี้เป็นอีกแบรนด์ของอิตาลีที่ผลิตรองเท้าที่มีชื่อเสียงโด่งดัง  แถมยังมีพิพิธภัณฑ์โชว์เป็นของตัวเอง  จึงไม่ควรพลาดในการจับจองเป็นเจ้าของเมื่อมีโอกาสไปเยือนอิตาลี

Gianni Versace.jpg

Gianni Versace

หรือที่รู้จักกันสั้นว่า Versace เป็นอีกหนึ่งแบรนด์เนมชื่อดังของชาวอิตาลเลี่ยน ก่อนตั้งขึ้นครั้งแรกที่เมืองมิลาน ตั้งแต่เมื่อ 40 กว่าปีก่อน โดดเด่นด้วยงานดีไซน์ที่มีสีสันสดใส และสัญญลักษณ์โลโก้ รูป เมดูซ่า(Medusa)

Contact Us

(+66) 84 522 2429

T 2 GO Holiday Co., Ltd.

TAT LICENSE: 11/07978

1213/340 Ladprao 94 Phlabphla Wangtonglang Bangkok 10310 

 

 

 

 

© 2024 T 2 Go Holiday Co., Ltd. All Rights Reserved.

bottom of page