top of page

uk i.ted kingdom

สหราชอาณาจักร

หอนาฬิกาบิ๊กเบน (Big Ben) & พระราชวังเวสต์มินสเตอร์ (The Palace of Westminster) เป็นนาฬิกาบอกเวลาที่ใหญ่ที่สุดในโลก! สามารถบอกเวลาได้ทั้ง 4 ทิศทาง เรียกได้ว่าเป็นความภาคภูมิใจของชาวลอนดอน ยืนหยัดท้าแดดท้าฝนมามากกว่า 162 ปีแล้วนับตั้งแต่ที่เริ่มทำงานครั้งแรกในปี ค.ศ. 1859 ขยันซื่อตรงสุดๆ ไม่เจ็บไม่ป่วยจนกลายเป็นเหมือนกับสัญลักษณ์ประจำชาติของอังกฤษไปซะแล้ว

พระราชวังเวสต์มินสเตอร์ เป็นพระราชวังที่เก่าแก่ที่สุดในลอนดอน และเป็นหนึ่งในอาคารที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก เมื่อ 1,000 ปีก่อนเคยเป็นพระราชวังหลวงเพื่อใช้เป็นที่พำนักของกษัตริย์แห่งอังกฤษจนมายุคสมัยของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 พระองค์ไม่ประสงค์ประทับอยู่ที่นี่ จึงถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นอาคารรัฐสภาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1547 มาจนถึงปัจจุบัน

หอนาฬิกาบิ๊กเบน.jpg

ลอนดอนอาย (London Eye) ลอนดอนอาย หรือที่รู้จักในชื่อ มิลเลเนียมวีล (Millennium Wheel) เป็นชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในทวีปยุโรป มีความสูง 135 เมตร ความพิเศษที่ไม่เหมือนชิงช้าสวรรค์ทั่วไปตรงที่ก่อสร้างด้วยโครงเหล็กค้ำข้างเดียวรูปตัว A ซึ่งปกติจะมีโครงค้ำสองข้าง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเทมส์ ย่าน Southwark เปิดให้ประชาชนเข้าชมอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับการชมวิวทิวทัศน์ของเมืองลอนดอนได้แบบ 360 องศา และมองเห็นไกลออกไปถึง 40 กิโลเมตรเลยทีเดียวค่า

ลอนดอนอาย.jpg

พระราชวังบักกิงแฮม (Buckingham Palace) พระราชวังบักกิงแฮม เป็นพระราชวังที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของโลก! มีอายุเก่าแก่มากกว่า 300 ปี เป็นที่ประทับของกษัตริย์และพระราชินีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1837 จนถึงพระราชินีองค์ปัจจุบัน สวยงามโดดเด่นด้วยศิลปะสมัยวิคตอเรีย ได้รับการตกแต่งด้วยสมบัติที่เลอค่าจำนวนมากจาก Royal Collection ภาพวาดของ Anthony van Dyck และ Canaletto ประติมากรรม Canova และเครื่องลายครามจาก Sevres รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ที่ดีที่สุดในอังกฤษและทั่วโลกอีกด้วยค่ะ

พระราชวังบักกิงแฮม.jpg

โรงถ่ายแฮร์รี่ พอตเตอร์ (Warner Bros Studio Tour London: The Making of Harry Potter)เปิดประตูสู่โลกเวทมนตร์ตามรอยแฮร์รี่พอตเตอร์ ที่โรงถ่ายแฮร์รี่ พอตเตอร์ แห่งค่าย Warner Bros ค่า ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงลอนดอน ซึ่งแต่เดิมคือ Leavesden Aerodrome โรงงานผลิตเครื่องบินที่มีชื่อเสียงหลายรุ่น เช่น Mosquito, Halifax Bombers ในสมัยสงความโลกครั้งที่สอง ก่อนที่ Warner Bros จะซื้อที่นี่และตั้งเป็นโรงถ่ายภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์มานานกว่าสิบปีแล้วค่ะ Warner Bros ยังคงเก็บรักษาหลายๆ ฉากที่โดดเด่นจากภาพยนตร์ไว้ได้อย่างดี แม้กระทั่งเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย ตื่นตาตื่นใจกับฉากและพร็อพสุดอลังการ อย่างเช่น ฉากห้องนอนใต้บันไดของแฮร์รี่, ห้องโถงใหญ่แห่งฮอกวอตส์ที่พ่อมดแม่มดปี 1 ทุกคนต้องมานั่งให้หมวกคัดสรรเลือกว่าจะเข้าไปอยู่บ้านไหน มีคอสตูมของเด็กนักเรียนแต่ละบ้านและของเหล่าศาสดาจารย์, ห้องทำงานของดัมเบิลดอร์, ห้องเรียนวิชาปรุงยา, ป่าต้องห้าม, ธนาคารกริงกอตส์ และอื่นๆ อีกมากมาย

โรงถ่ายแฮร์รี่ พอตเตอร์.jpg

พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติของอังกฤษ (British Museum) พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติของอังกฤษ เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในโลก ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1753 โดยกษัตริย์จอร์จที่ 2 (George II) โดยเริ่มต้นจาก Sir Hans Sloane นักโบราณคดีที่มีของสะสมโบราณจำนวนมาก ได้ถวายสมบัติให้แก่กษัตริย์เพื่อเป็นสมบัติของประเทศ และหลังจากนั้นก็มีสิ่งของต่างๆ เข้ามาเพิ่มอยู่เรื่อยๆ ค่ะภายในพิพิธภัณฑ์ได้รวบรวมศิลปะและวัตถุโบราณจากทั่วทุกมุมโลกไว้มากกว่า 6 ล้านชิ้น จัดแบ่งออกเป็นโซนๆ เช่น โซนอียิปต์โบราณ โซนกรีกและโรมันโบราณ โซนเอเชีย โซนยุโรป โซนอเมริกา โซนตะวันออกกลาง เป็นต้น ซึ่งเรียกได้ว่ามีทุกอย่างตั้งแต่มัมมี่ หีบศพโบราณ รวมถึงรูปปั้น ข้าวของเครื่องใช้ อาวุธ สิ่งประดิษฐ์ พระพุทธรูป เครื่องปั้นดินเผา เหรียญกษาปณ์จากทั่วโลก ทั้งหมดนี้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ทั้งหมด แปลกใจตรงที่ว่าขนย้ายมาได้อย่างไร และมีวิธีการเก็บรักษาอย่างไรให้คงสภาพได้สวยงามจนถึงปัจจุบัน เพราะบางชิ้น มีอายุมากกว่า 2,000 ปีเลยทีเดียวค่ะ

พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติของอังกฤษ.jpg

พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ (Natural History Museum) มาเที่ยวพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติกันบ้างค่ะ โดยจะมุ่งเน้นในเรื่องของโลกของธรรมชาติ รวมถึงเป็นศูนย์วิจัยในเรื่องต่างๆ ราว 70 ล้านสาขา ซึ่งรวมถึงด้านพันธุ์พืช Entomology, Mineralogy, Palaeontology และสัตว์วิทยา มีการรวบรวมหลักฐานและชิ้นส่วนสำคัญทางประวัติศาสตร์เก่าแก่หลายล้านปี ตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ดึกดำบรรพ์จัดแสดงอยู่ภายในอาคาร ถ้าไม่บอกนี่คิดว่าพระราชวังนะคะเนี่ย มีการตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงามในส่วนของการจัดแสดงจะแบ่งออกเป็นหลายๆ โซนให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชมตามความสนใจ ตั้งแต่โซนแรก ก็คือ Red Zone ใช้จัดแสดงเกี่ยวกับวิวัฒนาการของมนุษย์ การกำเนิดโลก การเกิดภูเขาไฟและแผ่นดินไหว Green Zone โซนสัตว์หลากหลายชนิด ได้แก่ สัตว์ปีก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และต่างๆ Orange Zone เป็นโซนของ Charles Darwin เป็นบุคคลสำคัญในแวดวงวิทยาศาสตร์ของประเทศอังกฤษ ซึ่งจะมีรูปปั้นใหญ่ๆ ของท่านตั้งอยู่ในบริเวณนั้น และโซนสุดท้ายคือ โซนไดโนเสาร์ จะมีกระดูกไดโนเสาร์สายพันธุ์ต่างๆ ที่นำมาจัดแสดงอย่างยิ่งใหญ่อลังการ

พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ.jpg

เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ (Westminster Abbey) วิหารเวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ เป็นเหมือนหัวใจและจิตวิญญาณของชาวอังกฤษ มีสถาปัตยกรรมแบบกอธิคอันโดดเด่น ซึ่งเมื่อปี ค.ศ. 1245 พระเจ้าเฮนรี่ที่ 3 ทรงสร้างโบสถ์เวสต์มินสเตอร์คร่อมโบสถ์เก่าแก่ที่มีอยู่เดิมและเลือกให้เป็นที่ฝังพระศพของพระองค์เองอีกด้วย ต่อมาได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอารามหลวง (Royal Peculiar) ในรัชสมัยของสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 1 ความสำคัญของที่นี่ก็คือ เป็นสถานที่ฝังพระศพของกษัตริย์แห่งอังกฤษและพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ ที่ตั้งอนุสรณ์สถานเพื่อระลึกถึงบุคคลสำคัญต่างๆ ในประวัติศาสตร์อังกฤษ และยังใช้เป็นสถานที่จัดพระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าหญิงเอลิซาเบธและเจ้าฟ้าชายฟิลิป และล่าสุดคือระหว่างเจ้าชายวิลเลียมและองค์หญิงเคทค่ะ ปัจจุบันเป็นโบสถ์ในนิกายแองกลิคัน เดินๆอยู่จะได้ยินเสียงนักร้องประสานเสียงประจำวิหารมาขับร้องดนตรีให้ฟัง ก็เพลินไปอีกแบบค่า

เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์.jpg

จัตุรัสทราฟัลการ์ (Trafalgar Square) จัตุรัสทราฟัลการ์ สถานที่นัดพบใจกลางกรุงลอนดอน สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานของสงครามทราฟัลการ์ระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศส เมื่อปี ค.ศ. 1805 ค่ะ ปัจจุบันใช้เป็นพื้นที่เฉลิมฉลองและชุมนุมจัดกิจกรรมสำคัญต่างๆ ทางการเมือง จนกลายเป็นจัตุรัสที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศอังกฤษ ถือเป็นอีกสถานที่ที่น่าสนใจของเมือง เพราะหันไปทางไหนก็มีมุมสวยๆ ให้ได้ถ่ายรูปกัน ที่โดดเด่นก็คืออนุสาวรีย์เสาหินนายพลเนลสัน ตั้งอยู่บริเวณจุดศูนย์กลางจตุรัส โดยมีประติมากรรมสิงโตสำริด 4 ตัวล้อมรอบ

จัตุรัสทราฟัลการ์.jpg

หอศิลป์แห่งชาติ (National Gallery) หอศิลป์แห่งชาติ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่บริเวณจัตุรัสทราฟัลการ์เมื่อกี้ค่า ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1824 เป็นที่แสดงและเก็บรักษาจิตรกรรมกว่า 2,300 ภาพ ตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 13 มาจนถึงปี ค.ศ. 1900 ซึ่งแต่ละภาพก็จะมีประวัติแตกต่างกันไป มีภาพผลงานของศิลปินระดับโลกอย่างดาวินชีและปิกัสโซ่ด้วยนะคะ โดยไฮไลท์คือ ภาพ The Madonna of the Pinks เป็นภาพสีน้ำมัน อายุ 500 ปี นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็จะแวะชมภาพนี้ก่อนเสมอเลยค่ะ และภาพ The Virgin of the Rocks โดยดาวินชี เป็นรูปที่อายุมากกว่า 530 ปี และใช้เวลาวาดมากกว่า 10 ปี!! เรียกว่าเป็นภาพในตำนาน ไม่ชมไม่ได้แล้ว นอกจากนี้บริเวณรอบ ๆ หอศิลป์ยังใช้เป็นที่จัดงานแสดงดนตรีกลางแจ้ง ซึ่งจะสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปตามแต่ละเทศกาล และเคยเป็นสถานที่ตั้งเวลานับถอยหลังเพื่อเข้าสู่งานโอลิมปิกในปี 2012 ที่อังกฤษเป็นเจ้าภาพด้วยค่า

หอศิลป์แห่งชาติ.jpg

มหาวิหารเซนต์พอล (St.Paul's Cathedral) มหาวิหารเซนต์พอล วิหารสำคัญอันเก่าแก่และสวยงามที่สุดแห่งกรุงลอนดอน สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 604 เพื่ออุทิศแด่นักบุญเปาโล ตั้งอยู่บน Ludgate Hill ซึ่งเป็นจุดที่สูงสุดของเมืองค่ะ โดดเด่นด้วยยอดโดมสีขาวขนาดใหญ่ ที่มีความสูงกว่า 11 เมตร จนสามารถมองเห็นได้แม้อยู่อีกฝั่งของแม่น้ำเทมส์ ในอดีตมหาวิหารเซนต์พอลถูกใช้จัดพระราชพิธีที่สำคัญต่างๆ มากมาย ทั้งพิธีอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าฟ้าชายชาร์ลกับเจ้าหญิงไดอาน่า รวมถึงยังเป็นที่ฝังศพของบุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์อังกฤษหลายคน ไม่เพียงแต่ภายนอกที่มีความสวยงามเท่านั้นนะคะ การออกแบบและตกแต่งภายในวิหารก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ประดับประดาด้วยภาพโมเสก แท่นบูชาหินอ่อนแกะสลัก ไปจนถึงที่นั่งของนักร้องประสานเสียงที่วิจิตรงดงาม สามารถขึ้นไปด้านบนของโดมเพื่อชมงานศิลปะที่ใช้ตกแต่งวิหาร รวมถึงชมวิวมุมสูงของกรุงลอนดอนได้ด้วยค่ะ

มหาวิหารเซนต์พอล.jpg

ทาวเวอร์บริดจ์ (Tower Bridge) ภาพคุ้นหูคุ้นตาของทาวเวอร์บริดจ์ สะพานหอคอยที่ถูกออกแบบให้เป็นทั้งสะพานยกและสะพานแขวนอยู่รวมกัน ใช้เวลาในการสร้างนานถึง 8 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1894 เพื่อใช้ข้ามแม่น้ำเทมส์ ใช้สถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่มีความสวยงาม ใครแวะผ่านไปมาก็ต้องถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึกเสมอ เมื่อขึ้นไปอยู่กลางสะพานก็สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของวิวแม่น้ำได้ไกลสุดลูกหูลูกตาโดยเฉพาะช่วงพระอาทิตย์ตกหรือยามค่ำคืนจะให้บรรยากาศที่โรแมนติกสุดๆ ไปเลยย ล่าสุดคือมีการชมวิวผ่านพื้นกระจกใส เพิ่มความตื่นเต้นขึ้นไปอีกจ้า นอกจากนั้นทาวเวอร์บริดจ์ยังเป็นอีกหนึ่งสถานที่โปรดของผู้ที่รักและชื่นชอบเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ เนื่องจากข้างบนมีการจัดงานนิทรรศการ Tower Bridge เพื่อนำเสนอรายละเอียดตั้งแต่ประวัติการก่อสร้างสะพาน รวมทั้งเหตุการณ์สำคัญๆ อีกหลายอย่างที่เกิดขึ้นบนสะพานแห่งนี้

ทาวเวอร์บริดจ์.jpg

หอคอยแห่งลอนดอน (Tower of London) หอคอยแห่งลอนดอน เมื่อก่อนเป็นปราสาทพระราชวังหลวงแห่งอังกฤษในยุคกลาง ที่ดัดแปลงมาจากป้อมปราการให้กลายเป็นปราสาทหินขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองลอนดอนริมแม่น้ำเทมส์ มีการขุดคลองรอบๆ ปราสาทเพื่อความสะดวกในการสังเกตุการณ์ศัตรู ด้วยความที่มีความปลอดภัยสูงมากกก ตอนหลังจึงเปลี่ยนมาเป็นคุกที่ใช้ขังนักโทษทางการเมืองและนักโทษชนชั้นสูง เช่น พระมเหสีของพระเจ้าวิลเลี่ยมที่ 8, พระเจ้าเอ็ดวาร์ดที่ 5 ของอังกฤษ, เจ้าชายริชาร์ด และนักบวชคณะเยซูอิต เป็นต้นค่ะ ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรักษาของมีค่าของราชวงศ์ ไม่ว่าจะเป็นมงกุฎเพชรอันล้ำค่า ชุดอัศวินสมัยโบราณ บริเวณทางเข้าจะมี Yeoman Warders อดีตทหารรักษาพระองค์ที่ผันตัวมาเป็นไกด์นำเที่ยวให้ฟรี จะพาเราชมภายในหอคอยแห่งนี้ประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งจะเป็นการนำเสนอประวัติต่างๆ ของหอคอยแห่งนี้แบบครบถ้วน มีแวะชมลานประหารชีวิตพร้อมอาวุธ รวมทั้งเล่าความเฮี้ยนของหอคอยต่างๆ ด้วย

หอคอยแห่งลอนดอน.jpg

เกอร์คิน (The Gherkin) เกอร์คิน อาคารรูปทรงมหัศจรรย์แห่งนี้ถือเป็นนวัตกรรมใหม่สุดล้ำของการออกแบบอาคาร ชื่ออย่างเป็นทางการก็คือ 30 St. Mary Axe สูง 180 เมตร ออกแบบโดย นอร์มัน ฟอสเตอร์ และเคน ชัตเติลเวิร์ธ แปลกแต่ดังมีอยู่จริงจ้าาา ก็เพราะลักษณะการออกแบบที่ค่อนข้างแปลกนี้เอง ทำให้ตึกนี้เรียกความสนใจแก่นักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี โดยคำว่า Gherkin เป็นชื่อของแตงกวาชนิดหนึ่ง ซึ่งรูปร่างเหมือนตัวตึก จึงเป็นที่มาของชื่อตึกเกอร์คินนั่นเอง ลักษณะภายในของตึกออกแบบให้ประหยัดพลังงาน โดยกระจกของอาคารเป็นกระจกสองชั้น ซึ่งมีอากาศอยู่ภายในเพื่อสร้างเป็นฉนวนกันความร้อนในหน้าร้อน และฉนวนกันความเย็นในหน้าหนาวในตัวอาคารมีปล่องขนาดใหญ่เพื่อช่วยในการหมุนเวียนของอากาศ และช่วยเพิ่มให้แสงสว่างและความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ตัวอาคารได้ด้วยค่า

เกอร์คิน.jpg

วงเวียนพิคคาดิลลี (Piccadilly Circus) วงเวียนพิคคาดิลลี อีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญใจกลางเมืองที่พลาดไม่ได้ในการมาเที่ยวลอนดอน  ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1819 เป็นจุดแยกของถนนหลายสาย เช่น Regent Street, Shaftsbury Avenue, Piccadilly, Haymarket และยังสามารถเดินไปยังย่านไชน่าทาวน์ (Chinatown) ได้ด้วยนะคะ ปัจจุบันใช้เป็นจุดนัดพบรวมตัวของชาวลอนดอนและนักท่องเที่ยว บอกเลยค่ะว่าคึกคักสุดๆ! เพราะเต็มไปด้วย สถานที่ช้อปปิ้งชื่อดัง ร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ นี่ละลานตาตลอด 2 ข้างทางเลยค่า ผับ บาร์ก็มีให้นั่งแฮงค์เอ้าท์กันยาวๆ แบบไม่ต้องหลับต้องนอน

วงเวียนพิคคาดิลลี.jpg

เดอะชาร์ด (The Shard) เดอะชาร์ด ตึกสูงในเขตซักเวิร์ค (Southwark) มีทั้งหมด 95 ชั้น ความสูงถึง 300 เมตร จัดเป็นอาคารหรือสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในประเทศอังกฤษ และยังติดอันดับอาคารที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 4 ของทวีปยุโรปด้วยค่า โดยเริ่มก่อตั้งขึ้นปี ค.ศ. 2009 และถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ค.ศ. 2012 ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาลีที่ชื่อว่า Renzo Piano ที่รู้จักกันในฐานะผู้ออกแบบปงปิดูเซนเตอร์ (Pompidou Centre) ในปารีส ตัวอาคารมีลักษณะเป็นยอดแหลมโผล่ขึ้นมาจากแม่น้ำเทมส์ เหมือนแก้วที่ทะลุผ่านใจกลางเมืองอังกฤษ เพราะประกอบด้วยแผ่นกระจก 11,000 แผ่น จึงเรียกอีกชื่อว่า The Shard of Glass ซึ่งแปลว่าเศษแก้วหรือเศษกระจก และยังเป็นตึกแรกที่ได้รับรางวัล Emporis Skyscraper Awards เพราะเป็นตึกสูงที่ใครเห็นก็จำได้ จนกลายเป็นสัญลักษณ์ใหม่ของกรุงลอนดอนไปเลยค่า

เดอะชาร์ด.jpg

อุโมงค์สไลด์เดอร์ที่ยาวที่สุดในโลก (ArcelorMittal Orbit) อุโมงค์สไลด์เดอร์ที่ยาวที่สุดในโลกกกก! เครื่องเล่นใหม่สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความท้าทาย ตั้งอยู่ที่อุทยานโอลิมปิกเจ้าหญิงเอลิซาเบธ (Queen Elizabeth Olympic Park) โดยมีความยาวถึง 178 เมตร สูง 114.5 เมตร และสไลด์ลงมาด้วยความเร็วราว 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือประมาณ 6 เมตรต่อวินาที หมุนรอบตัวหอคอย 5 รอบติ้วววๆ ก่อนที่จะค่อยๆ ไหลฟิ้วววววลาดลงมาพื้นดิน ดยใช้เวลาในการเล่นทั้งหมดประมาณ 40 วินาที และตลอดทางของสไลเดอร์นั้นจะเป็นแบบโปร่งใสเพื่อให้เราสามารถมองเห็นวิวด้านนอกรอบๆ ได้ เก๋กู้ดดีงามมมมมสุดๆ เป็นมุมมองที่แตกต่างไปจากเดิม ช่วยสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้กับเรา ถือว่าเป็นสไลเดอร์ที่มีความปลอดภัยและน่าท้าทายสุดๆ

อุโมงค์สไลด์เดอร์ที่ยาวที่สุดในโลก.jpg

สวนสาธารณะไฮด์ปาร์ค (Hyde Park) ไฮด์ปาร์ค สวนสาธารณะที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่มากกกกกกเกือบ 900 ไร่ ตั้งอยู่ใจกลางกรุงลอนดอน ทุกคนต่างขนานนามให้เป็นปอดของเมือง ก่อตั้งขึ้นปี ค.ศ. 1536 โดยพระเจ้าเฮนรีที่ 8 (Henry Villl) เมื่อก่อนใช้เป็นสถานที่พักผ่อนของราชวงศ์อังกฤษค่ะ ปัจจุบันเป็นสวนที่มีชื่อเสียงมากเพราะจะถูกใช้จัดกิจกรรมที่สำคัญๆ อยู่บ่อยๆ อย่างการชุมนุมทางการเมือง คอนเสิร์ต ตลาดน่ารักๆ ในวันเสาร์อาทิตย์ มีโซนสำหรับออกกำลังกาย ว่ายน้ำ ขี่ม้า โยคะ ปั่นจักรยาน เล่นฟุตบอล โรลเลอร์สเก็ต และเทนนิส เยอะมากจริงๆ ไฮไลท์ของที่นี่คือ รูปปั้นพูดได้ของอคิลลิส (Achilles) ยอดวีรบุรุษชาวกรีกโบราณที่เก่งกาจ สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงทหารและนักการเมือง และที่สำคัญยังเป็นอนุสรณ์สถานแห่งแรกที่ตั้งในสวนแห่งนี้อีกด้วยค่ะ

สวนสาธารณะไฮด์ปาร์ค.jpg

พระราชวังแฮมป์ตัน คอร์ต (Hampton Court Palace) พระราชวังแฮมป์ตัน คอร์ต เป็นพระราชวังหลวงที่เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ งั้นใครที่มาเยือนลอนดอน ต้องไม่พลาดเลยนะคะ เราจะได้ชมความงดงามของสถาปัตยกรรมอันงดงามและพิพิธภัณฑ์จัดแสดงสิ่งของในประวัติศาสตร์มากมาย เช่น รูปวาด เครื่องแต่งกาย มงกุฎ พร้อมประวัติความเป็นมาของพระราชวัง รวมทั้งพระราชวังแต่ละพระองค์ที่เคยประทับอยู่ที่นี่ นอกจากนี้ยังมีเขาวงกตขนาดย่อม สวนดอกไม้สุดอลังการ มีบริการนั่งรถม้าชมสวนด้วย แค่นี้ก็ใช้เวลาน่าจะเกือบครึ่งวันในการมาชมแล้วค่า! ในช่วงเดือนกรกฎาคมจะมีการแสดงดอกไม้ประจำปีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเต็มไปด้วยสวนที่ออกแบบมาเป็นพิเศษมาให้ทุกคนได้ชมกันด้วยค่ะ

พระราชวังแฮมป์ตัน คอร์ต.jpg

สนามกีฬาเวมบลีย์ (Wembley Stadium) สนามกีฬาเวมบลีย์ สนามฟุตบอลทีมชาติอังกฤษที่คลาสสิกที่สุด ด้วยหอคอยคู่อันโด่งดัง ได้รับการโหวตให้เป็นสนามฟุตบอลที่คุณต้องไปเยือนสักครั้งให้ได้ชีวิต สร้างในปี ค.ศ. 1923 แต่ตอนนี้สนามเวมบลีย์เดิมได้ถูกทุบทิ้งและสร้างสนามใหม่ทับลงไปบนสนามเดิม ปี ค.ศ. 2007 ในชื่อว่า New Wembley มีความจุ 90,000 ที่นั่ง! ถ้าหากรวมการยืนชมด้วย จะมีความจุ 105,000 คน  ถือเป็นสนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ในยุโรปเลยค่า

สนามกีฬาเวมบลีย์.jpg

ตลาดลีเดนฮอลล์ (Leadenhall Market) ตลาดลีเดนฮอลล์ ตลาดในร่มอันเก่าแก่แห่งลอนดอน ต้นแบบตรอกไดแอกอน (Diagon) ในภาพยนตร์ชื่อดังแฮรี่ พอตเตอร์ มีใครจำกันได้ไหมน้าาา? ศูนย์กลางการ ช็อปปิ้งของเหล่าพ่อมดแม่มดแห่งฮอกวอตส์ และยังเป็นฉากแสดงร้านหม้อใหญ่รั่ว (Leaky Cauldron) หรือร้านอาหารชื่อดังใกล้ตรอกไดแอกอนด้วยจ้า โดยตั้งอยู่บนถนน Gracechurch ถูกสร้างมาตั้งแต่สมัยวิกตอเรีย ช่วงศตวรรษที่ 14 ส่วนใหญ่จะขายอาหารสด พวกเนื้อสัตว์ เนื้อปลา และร้านค้าอื่นๆ เช่น ร้านขายเสื้อผ้า ร้านดอกไม้ ร้านขายของที่ระลึก ไวน์คุณภาพเยี่ยม ผับ บาร์ โดยเฉพาะร้านขายชีส ที่มีชีสมากกว่า 200 ชนิดให้เลือกแบบจุกๆ

ตลาดลีเดนฮอลล์.jpg

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Sea Life London Aquarium Sea Life London Aquarium พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำใจกลางกรุงลอนดอนที่มีสัตว์น้ำน่ารักๆ ไปจนถึงสัตว์ที่หายากให้ได้ชมกัน เป็นหนึ่งในการจัดแสดงสิ่งมีชีวิตทางน้ำที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1997 แต่ละปีนั้นได้มีผู้เข้าชมมากถึง 1 ล้านคนเลยทีเดียวค่า ตลอดการเดินชมยังมีพนักงานคอยให้ความรู้เกี่ยวกับสัตว์ต่างๆ เป็นอย่างดีแต่ไม่ได้มีแค่ปลานะคะ มีเต่า ม้าน้ำ แมงกะพรุน เพนกวินและอื่นๆ อีกมากมาย มีการแสดงโชว์ของสัตว์รวมไปถึงกิจกรรมน่ารักๆ ที่สามารถทำร่วมกับบรรดาสัตว์ตัวน้อยได้ เช่นการป้อนนมโลมา งานนี้ไม่ได้มีแค่เด็กๆ สนุก แต่ผู้ใหญ่ก็ตื่นเต้นไปด้วยค่า

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ.jpg

พิพิธภัณฑ์วิคตอเรีย แอนด์ อัลเบิร์ต (Victoria and Albert Museum – V&A) พิพิธภัณฑ์วิคตอเรีย แอนด์ อัลเบิร์ต เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะประยุกต์และการออกแบบที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1852 ปัจจุบันก็มีอายุเกือบ 170 ปีแล้วค่ะ มีการรวบรวมคอลเลคชั่นศิลปะวัตถุมากมายจากหลายพื้นที่ทั่วโลก หลากยุคหลากสมัย ตั้งแต่ยุคโบราณมาจนถึงปัจจุบันมาจัดแสดง มีชิ้นงานมากกว่า 2.27 ล้านชิ้น อายุกว่า 5,000 ปี รวมถึงแฟชั่นที่แสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์จากวัฒนธรรมต่างๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นประติมากรรม สถาปัตยกรรม ภาพวาด ภาพถ่าย มากกว่า 500,000 ภาพ รูปปั้น หนังสือ เครื่องเซรามิค งานแก้ว เครื่องประดับ และงานโลหะต่างๆ ของตกแต่งบ้านในอดีต เฟอร์นิเจอร์ สิ่งทอ เสื้อผ้า และภาพยนตร์

พิพิธภัณฑ์วิคตอเรีย แอนด์ อัลเบิร์ต.jpg

โรงละครรอยัลอัลเบิร์ตฮอลล์ (Royal Albert Hall) โรงละครรอยัลอัลเบิร์ตฮอลล์ สถานที่จัดแสดงคอนเสิร์ตชื่อดังของอังกฤษ ซึ่งสมเด็จพระราชินีวิคตอเรียทรงเปิดในปี ค.ศ. 1871 เพื่อเป็นเกียรติแก่เจ้าชายอัลเบิร์ต พระสวามีผู้เป็นที่รัก แค่เห็นจากรูปร่างภายนอกก็ประทับใจแล้วค่ะ เป็นอาคารรูปทรงโดมขนาดใหญ่ สวยมากกกกก รูปทรงแปลกตาแต่มีความขลังแบบบอกไม่ถูก ตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสคและภาพวาดทางศิลปะ เป็นสถาปัตยกรรมแบบอิตาลี (Italianate) มีความจุมากถึง 5,272 ที่นั่ง ห้องโถงประกอบด้วยกระจกขนาดใหญ่และหลังคาโดมที่ทำด้วยเหล็กโดมสูงถึง 41เมตร ใช้จัดแสดงดนตรีคลาสสิค บัลเล่ต์ โอเปร่า และงานอีเว้นท์ที่สำคัญมากมาย ถูกจัดงานกว่า 350 งานต่อปี ก็คือแทบเกือบทุกวันไม่ได้พักเลยนั่นเอง เคยใช้จัดแสดงมวยชิงแชมป์โลก เทนนิส วิ่งมาราธอน รวมไปถึงรายการโชว์ต่างๆ ด้วยนะคะ มีศิลปินชื่อดังของโลกจากหลากหลายการแสดงที่ปรากฏตัวบนเวทีนี้ ทำให้โรงละครรอยัลอัลเบิร์ตฮอลล์กลายเป็นหนึ่งในอาคารที่มีคุณค่าและโดดเด่นที่สุดในอังกฤษเลยค่ะ

โรงละครรอยัลอัลเบิร์ตฮอลล์.jpg

ชมละครเพลงชื่อดัง The Phantom of the Opera ปิดท้ายในการมาเที่ยวลอนดอนด้วยการชมละครเพลงชื่อดังระดับโลก The Phantom of the Opera เป็นวรรณกรรมฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงมาก ประพันธ์โดยนักเขียนชาวฝรั่งเศส กัสตง เลอรู (Gaston Leroux) เป็นนวนิยายแนวลึกลับสยองขวัญ อิงมาจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในโรงอุปรากรการ์นิเย่ของฝรั่งเศส ซึ่งเรื่องนี้จบลงด้วยโศกนาฏกรรมที่เศร้าสลด นักแสดงแต่ละคนพลังเสียงทรงพลังมาก ส่งความรู้สึกมาถึงคนดูทั้งโรงได้ ทุกคนคือตั้งใจจดจ้องอยู่ที่นักแสดงแบบตาไม่กระพริบตลอดทั้งเรื่อง ส่วนแสงสีเสียงนั้นก็จัดเต็ม เทคนิคการเปลี่ยนฉากเอฟเฟ็กต์ต่างๆ ช่วยทำให้ละครสมจริง ตื่นเต้น และดึงอารมณ์ร่วมของคนดูได้ดีมากเลยค่ะ ขนลุกกกกไปหมด บางคนอาจจะเคยดูเป็นภาพยนตร์มาแล้ว แต่บอกเลยค่ะว่าคนละอารมณ์กันละครเวทีมันสด เข้าถึงอารมณ์กว่ามาก

ชมละครเพลงชื่อดัง.jpg

 จัตุรัสเลสเตอร์ (Leicester Square) จตุรัสเลสเตอร์ ศูนย์รวมความสนุกสนานและความบันเทิงใจกลางกรุงลอนดอนมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 ย่านที่เต็มไปด้วยโรงหนัง โรงละคร แหล่งช้อปปิ้ง คาสิโนขนาดใหญ่ ร้านอาหาร และผับบาร์ต่างๆ ที่ให้บริการตั้งแต่เช้าไปจนถึงค่ำเลยทีเดียวค่า เป็นถนนคนเดินที่มีชีวิตชีวาด้วยแสงไฟ ผู้คน และเสียงเพลง มีโรงแรมและที่พักชื่อดังมากมายตั้งอยู่ในบริเวณนี้ด้วย แถมยังมีการจัดอีเว้นท์ปังๆ ในทุกๆ เทศกาล ที่โดดเด่นคือเทศกาลคริสต์มาสและตรุษจีน โดยเฉพาะเทศกาลตรุษจีนจะคึกคักมากเพราะย่านไชน่าทาวน์ตั้งอยู่ใกล้ๆ นี่เองค่า

จัตุรัสเลสเตอร์.jpg

ตลาดสวนโคเว้นท์ (Convent Garden) ใครที่อยากช้อปสินค้าฮิปๆ แนวๆ หาของขวัญแบบไม่ซ้ำใครต้องมาที่ตลาดสวนโคเว้นท์แห่งนี้เลยจ้า หรือเรียกกันอีกชื่อว่า Apple Market เป็นตลาดเก่าแก่ที่มีอายุ มากกว่า 300 ปี โดยเริ่มต้นจากบาทหลวงท่านหนึ่งได้นำแอปเปิ้ลมาวางขาย หลังจากนั้นก็มีคนทยอยนำผัก ผลไม้ต่างๆ เข้ามาขายมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นตลาดหลักในการขายส่งผลไม้ที่ขึ้นชื่อแห่งหนึ่งในลอนดอนเลยทีเดียว ต่อมาได้มีการปรับปรุงต่อเติมตลาดให้สวยงามน่าเดินมากขึ้น ออกแบบโดย Inigo Jones ในสไตล์อิตาลี นอกจากผักผลไม้แล้วก็มีสินค้าอื่นๆ มาขายด้วยค่ะ เช่น สินค้าหัตถกรรม งานศิลปะแบบต่างๆ ภาพพิมพ์สีน้ำมัน เครื่องประดับทำมือที่มีเพียงชิ้นเดียว เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบงาน Handmade คุณภาพดีๆ ในราคาย่อมเยา เหมาะกับการมาเลือกซื้อของฝากเพื่อคนที่คุณรัก และทุกวันจันทร์จะมีการขายของสะสม ของเก่ามือสอง

ตลาดสวนโคเว้นท์.jpg

พิพิธภัณท์ศิลปะเทต โมเดิร์น (Tate Modern) พิพิธภัณท์ศิลปะเทต โมเดิร์น ขนาดใหญ่ใจกลางเมืองลอนดอน แค่ลักษณะภายนอกก็แปลกแหวกแนวไม่เหมือนที่ไหนแล้วค่า ตัวอาคารเป็นรูปตัว T คว่ำ ยาว 200 เมตร มีปล่องควันตรงกลางสูง 99 เมตร คือเมื่อก่อนที่นี่เคยเป็นโรงไฟฟ้าชื่อว่า Bankside Power Station และได้ถูกปิดตัวลงไป จึงมีการดัดแปลงให้มีดีไซน์ร่วมสมัยและมีเอกลักษณ์ โดยเลือกใช้อิฐก่อเป็นผนังอาคารเพื่อความรู้สึกเข้มขรึม กลมกลืนกับอาคารเก่า แทรกด้วยลายของช่องกระจกทำให้ดูร่วมสมัยมากขึ้น จนในปี ค.ศ. 2000  ก็ได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยแห่งชาติสุดโมเดิร์นที่เรารู้จักกันแห่งนี้นั่นเองค่า มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเยี่ยมชมปีละเกือบ 6 ล้านคนแน่ะ

พิพิธภัณท์ศิลปะเทต โมเดิร์น.jpg

ย่านไชน่าทาวน์ (Chinatown) ไชน่าทาวน์ หรือที่หลายคนเรียกกันว่า โซโห (Soho) ย่านคนจีนกลางมหานครลอนดอน ที่มองไปทางไหนก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายสถาปัตยกรรมแบบจีน ทั้งตึกรามบ้านช่องที่ตกแต่งสวยงามด้วยสีแดง มีโคมระย้า เห็นถึงความรุ่งเรื่องของอารยธรรมจีน มีร้านค้า ร้านอาหารขึ้นชื่ออย่างเป็ดย่าง บะหมี่ ติ่มซำ เป็นต้น เมื่อก่อนคนจีนในลอนดอนยังมีจำนวนน้อย มีการทำธุรกิจเล็กๆ เปิดร้านเพื่อขายของให้กับชาวประมงจีนด้วยกันที่ล่องแม่น้ำเข้ามาค้าขาย จนเมื่อสงครามโลกสิ้นสุด อังกฤษเป็นฝ่ายชนะสงคราม จึงมีคนจีนจำนวนมากอพยพกันมาตั้งหมู่บ้านและร้านค้ากันในย่านนี้ จนเป็นชุมชนของคนเอเชียผิวเหลือง ที่โด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจนถึงทุกวันนี้ค่า

ย่านไชน่าทาวน์ (Chinatown).jpg

ย่าน Bull Ring ถือเป็นย่านหลักสำหรับขาช็อป ใน City Centre ค่ะ ที่นี่จะมีแลนมาร์คหลักเป็นรูปปั้นน้องวัวกระทิงตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่หน้าทางเข้า shopping centre เรียกว่าใครมาเที่ยวมาที่นี่ก็จะต้องแวะถ่ายรูปกับน้องวัวกระทิงกันก่อนเพื่อให้รู้ว่ามาถึง Birmingham แล้ว ความน่ารักอีกอย่างของน้องวัวกระทิงก็คือ ในแต่ละเทศกาลสำคัญ น้องวัวจะถูกแต่งองค์ทรงเครื่องให้เข้ากับบรรยากาศ ดังนั้นเราจะได้เห็นน้องในลุคใหม่ๆ ไม่ซ้ำกันค่ะ นอกจากนั้น ในบริเวณ city centre ก็ยังมี ก็ยังมีจุดชมวิวโบสถ์ Saint Martin ให้ได้ถ่ายรูปกัน รวมถึง Victoria Square ที่อยู่ถัดจากย่าน Bull Ring ไปไม่ไกลสามารถเดินได้สบายๆ ค่ะ ซึ่งจตุรัสนี้เป็นที่ตั้งของ City Town Hall อันเป็นอาคารเก่าแก่ของเมืองค่ะ

ย่าน Bull Ring.jpg

Birmingham Museum & Art Gallery พิพิธภัณฑ์นี้เป็นพิพิธภัณฑ์ประจำเมือง Birmingham ซึ่งตั้งอยู่ถัดจากอาคาร City Town Hall ค่ะ ที่นี่เปิดให้เพื่อนๆ ได้เข้าชมฟรี ทุกวันค่ะ ภายในมีทั้งงานศิลปะภาพเขียนเก่าแก่ และเรื่องราวประวัติศาสตร์ของอังกฤษและเมือง Birmingham หากวันไหนที่เพื่อนๆ มาเที่ยวแล้วเจอฝนตก หรืออากาศหนาวจนไม่อยากอยู่ข้างนอก พิพิธภัณฑ์นี้ก็เป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าแวะเข้าไปเที่ยวชมค่ะ

Birmingham Museum & Art Gallery.jpg

The Library of Birmingham

หอสมุดของเมือง Birmingham หรือที่ภากับเพื่อนๆ เรียกกันเองว่าหอสมุดดอกไม้ เป็นอีกที่นึงที่อยากแนะนำให้เข้าไปเดินเล่น (แน่นอนว่าฟรีค่ะ) ไม่ได้ชวนให้มาอ่านหนังสือหรอกนะคะ แต่อยากจะชวนให้ขึ้นมาเดินเล่นชมวิวบนดาดฟ้ากัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูร้อน (เมษายน – กรกฎาคม) ช่วงนี้หอสมุดจะจัดสวนดอกไม้สวยๆ ให้คนขึ้นไปนั่งเล่นถ่ายรูป รวมถึงชมบรรยากาศเมือง Birmingham จากมุมสูงกันค่ะ

The Library of Birmingham.jpg

จิ๊บลี่ช็อกโกแลตโลกได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเบอร์มิงแฮม มีนักท่องเที่ยวมากกว่า 50,000 คนมาเที่ยวในแต่ละปี จิ๊บลี่ช็อกโกแลตมีทัวร์ 3 เส้นทาง คือ ทัวร์โรงงาน ทัวร์สั้น และทัวร์กลางเมือง จิ๊บลี่เป็นผู้ผลิตขนมเก่าในเบอร์มิงแฮมก่อตั้งขึ้นในปี 1824 เป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก จิ๊บลี่ช็อกโกแลตโลกถูกสร้างขึ้นและดําเนินการโดยบริษัทจิ๊บลี่ช็อกโกแลตนอกจากเบอร์มิงแฮมยังมีที่อยู่ในนิวซีแลนด์

จิ๊บลี่ช็อกโกแลต.jpg

Fish & Chips นี่คือ อาหารอังกฤษ ประจำชาติ ที่คนทั่วโลกรู้จักกันดีเลยก็ว่าได้ ถ้าอยากกิน Fish & Chips ที่ดีที่สุดในอังกฤษต้องมากินที่ลอนดอน! เมนูนี้น่าจะถูกใจทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะวัยรุ่น หรือเด็กๆ ก็ทานได้ จะเป็นปลาชุปแป้งทอดและมันฝรั่งทอด เป็นอาหารที่หาทานง่ายมาก มีทุกที่ตั้งแต่ในร้านอาหารหรูยันร้านฟาสต์ฟู้ด โดยเมนูฟิชแอนด์ชิพส์แบบดั้งเดิมจะต้องกินคู่กับถั่วลันเตาสีเขียวบดที่ปรุงรสด้วยเกลือและน้ำส้มสายชู

Fish & Chips.jpg

ซันเดย์ โรสต์ (Sunday Roast) หลังจากที่ครอบครัวชาวอังกฤษเข้าโบสถ์เพื่อประกอบพิธีทางศาสนาเสร็จสิ้นในช่วงบ่ายวันอาทิตย์แล้ว สมาชิกในครอบครัวจะมารวมตัวกันเพื่อร่วมรับประทานอาหารกันอย่างสนุกสนาน โดยเรียกประเพณีนี้กันว่า ซันเดย์ โรสต์ (Sunday Roast) หรือเราอาจได้ยินชาวอังกฤษเรียกชื่อ ซันเดย์ โรสต์ ต่างกันไป บ้างก็เรียก ซันเดย์ ดินเนอร์ (Sunday Dinner) ซันเดย์ ลันช์ (Sunday Lunch) และ ซันเดย์ จอยท์ (Sunday Joint) ซึ่งเป็นประเพณีการรับประทานอาหารของชาวอังกฤษและชาวไอริช ที่ถูกกล่าวถึงกันอย่างแพร่หลายและมีต้นกำเนิดย้อนไปถึงช่วงปี 1700 เมนูจะประกอบด้วยเนื้ออบเป็นหลักราดด้วยซอสเกรวี่ ซึ่งสามารถอบได้ทั้งเนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อแกะ เนื้อไก่ หรือแม้กระทั่งเป็ด ห่าน ไก่งวง และเนื้อสัตว์ป่าก็สามารถนำมาอบได้ ขึ้นอยู่กับฤดูกาลและความชื่นชอบของสมาชิกในแต่ละครอบครัว รับประทานกับเครื่องเคียงนานาชนิด รวมถึง มันฝรั่งอบ ผักย่างหรืออบหรือต้ม เช่น ดอกกะหล่ำ บรอคโคลี่ แครอท และยอร์คเชอร์ พุดดิ้ง (Yorkshire pudding)

ซันเดย์ โรสต์.jpg

อาหารเช้าแบบอังกฤษเต็มรูปแบบหรือ Full English Breakfast นั้นจะเป็นอาหารปรุงสุกที่ใส่รวมมาในหนึ่งจานใหญ่ ประกอบไปด้วย เบคอน, ไข่, ไส้กรอกเนื้อ หรือไส้กรอกเลือด (Black Pudding) เป้นอาหารโปรตีน เสิร์ฟพร้อมขนมปังหรือมันฝรั่งทอดเป็นคาร์โบไฮเดตให้พลังงาน รับประทานกับถั่วอบ มะเขือเทศย่าง และเห็ดย่าง ส่วนเครื่องดื่มก็จะเป็นกาแฟหรือชา แน่นอนว่ามันจะมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ แตกต่างกันไปตามแต่ภูมิภาค เพราะอาหารเช้าสไตล์นี้มักจะพบเจอทั่วเกาะบริเตน ไม่ว่าจะเป็น อังกฤษ, สก็อตแลนด์, เวลส์ หรือไอร์แลนด์ ดังนั้นอาหารเช้าแบบนี้จึงมีชื่อเรียกเฉพาะที่หลากหลายทั้ง Fry Up, Full English, Full Irish, Full Scottish และ Full Welsh

อาหารเช้าแบบอังกฤษเต็มรูปแบบหรือ.jpg

ฟิชแอนด์ชิปส์(Fish and Chips) หรือปลาชุบแป้งทอดกับมันฝรั่งทอด ถือเป็นเมนูเด็ดที่อยู่คู่อังกฤษมานานกว่า 150 ปี จนกลายเป็นอาหารขึ้นชื่อที่นักท่องเที่ยวผู้มาเยือนอังกฤษต้องไม่พลาดที่จะลิ้มลองสักครั้ง วัฒนธรรมการรับประทานปลาทอดเริ่มเข้าสู่อังกฤษครั้งแรกโดยผู้อพยพเชื้อสายยิวจากโปรตุเกสและสเปนในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 แต่การรับประทานปลาคู่กับมันฝรั่งทอดในสหราชอาณาจักรเริ่มขึ้นราวปี 1860 และกลายเป็นอาหารจานเด็ดที่ชาวอังกฤษนิยมรับประทานกันเรื่อยมา เชื่อกันว่าปัจจุบันชาวอังกฤษ 22% ทานฟิชแอนด์ชิปสัปดาห์ละครั้ง

ฟิชแอนด์ชิปส์.jpg

การดื่มชายามบ่ายหรือ Afternoon tea เริ่มมาตั้งแต่สมัยปลายศตวรรษที่ 18 ในปี ค.ศ. 1840 ซึ่งในยุคนั้นชาวอังกฤษนิยมรับประทานอาหารกันแค่ 2 มื้อหลัก คือ มื้อเช้าและมื้อเย็น ที่เสิร์ฟช่วง 2-3 ทุ่มกันเลย ด้วยระยะเวลาการทานอาหารที่ห่างกันมากนั้น ทำให้พอตกบ่ายก็เลยเกิดความหิวขึ้นมาเป็นปกติ จนในที่สุด เลดี้แอนนา มาเรีย ดัชเชสแห่งของเบดฟอร์ด ก็เลยสั่งให้แม่บ้านจัดชาและของว่างเบาๆ อย่างสโคนกับครีม คุกกี้ชิ้นเล็กๆ ขนมปัง เค้ก และแซนด์วิชชิ้นพอดีคำ จัดมารับประทานแก้หิวในระหว่างวัน แถมยังได้เชิญชวนเหล่าขุนนางอังกฤษ เพื่อนๆ มาร่วมจิบน้ำชา และพูดคุยแลกเปลี่ยนข่าวสารกันด้วย และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การจิบน้ำชายามบ่ายพร้อมของว่างชิ้นเล็ก ๆ ขนาดพอดีคำ ก็กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของชาวอังกฤษ

การดื่มชายามบ่ายหรือ.jpg

เชพเพิร์ดพาย (Shepherd’s Pie) เชพเพิร์ดพาย มีต้นกำเนิดจากประเทศเลี้ยงแกะในสกอตแลนด์และทางตอนเหนือของอังกฤษ และเป็นที่ชื่นชอบของชนชั้นแรงงานตั้งแต่ในช่วงปลายทศวรรษ 1700 และต้นทศวรรษ 1800 ซึ่งแม่บ้านในสมัยนั้นค่อนข้างประหยัด และมองหาวิธีที่จะนำเอาเนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ มารวมกันทำเป็นอาหารจานใหม่ อย่างเช่น เมื่อรับประทานซันเดย์ โรสต์ ในวันอาทิตย์ที่ไม่หมด แม่บ้านก็จะเอาเนื้อนั้นมาทำเชพเพิร์ดพาย โดยเอามันบดปิดด้านบนแล้วอบให้ผิวมีความกรอบนิดๆ รับประทานอร่อยมาก กลายเป็นอาหารจานหรูได้อีกอย่าง

เชพเพิร์ดพาย.jpg

ไข่สกอตช์ (Scotch egg) เป็นอาหารที่มีต้นกำเนิดในประเทศอังกฤษ ทำจากไข่ต้มหุ้มด้วยเนื้อสัตว์บดก่อนจะคลุกด้วยเกล็ดขนมปังแล้วนำไปทอด ที่มาของไข่สกอตช์มีข้อถกเถียงที่หลากหลาย อย่างเช่น ห้างสรรพสินค้าฟอร์ตนัมและเมสันในลอนดอนกล่าวอ้างว่าตนเป็นผู้คิดค้นขึ้นในปี ค.ศ. 1738 โดยได้ชื่อมาจากชื่อเล่นที่ชาวลอนดอนใช้เรียกเจ้าหน้าที่องครักษ์สกอตที่ประจำอยู่ที่นี่และพัฒนาอาหารชนิดนี้ขึ้น ส่วนด้าน Culinary Delights of Yorkshire กล่าวว่าไข่สกอตช์ถูกคิดค้นในศตวรรษที่ 19 ที่เมืองวิตบี มณฑลยอร์กเชอร์ และใช้เนื้อปลาบดแทนเนื้อสัตว์บด โดยชื่ออาหารมาจากร้านวิลเลียม เจ. สกอตแอนด์ซันส์ ซึ่งขายอาหารชนิดนี้

ไข่สกอตช์.jpg

พายและมันบด(Pie and Mash) เป็นอาหารจานด่วนต้นตำรับของลอนดอน เป็นอาหารอังกฤษแบบดั้งเดิมซึ่งเป็นที่นิยมในพื้นที่ท่าเรือทางตะวันออกของเมืองหลวงในช่วงยุควิกตอเรีย เดิมทีเป็นอาหารของชนชั้นแรงงาน แป้งพายจะช่วยปกป้องอาหารของคนงานจากสิ่งสกปรกและฝุ่นผงที่มีอยู่ทั่วเมือง โดยปกติแล้วพายจะมีไส้เนื้อสับ เสิร์ฟพร้อมมันบดและซอสพาร์สลีย์สีเขียว

พายและมันบด.jpg

ขนมอบคอร์นิช (Cornish Pasty) เป็นขนมปังยัดไส้ที่ทำจากเนื้อและผัก มีประวัติอันเป็นเอกลักษณ์และน่าสนใจที่ย้อนกลับไปหลายศตวรรษ ได้รับความนิยมและแพร่หลายไปทั่วสหราชอาณาจักร มีต้นตำหรับจากคอร์นวอลล์ เมืองทางตอนใต้ของอังกฤษ เชื่อกันว่าขนมชนิดนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นสำหรับคนงานเหมืองแร่ชาวคอร์นิช ที่ต้องทำงานอยู่ใต้ดินลึกและต้องการอาหารกลางวันที่ตอบสนองความต้องการของสภาพแวดล้อมการทำงานของพวกเขา สามารถถือกินได้ง่าย แป้งครัสต์หนาและไส้แน่นจะคงความอุ่นได้นานหลายชั่วโมงจนถึงเวลาอาหารกลางวัน หรือสามารถอุ่นซ้ำได้ง่ายบนเปลวไฟของตะเกียงน้ำมัน

ขนมอบคอร์นิช.jpg

ครัมเป็ต(Crumpets) มักรับประทานเป็นอาหารเช้าสไตล์อังกฤษแบบดั้งเดิม ลักษณะกลมคล้ายกับแพนเค้ก แต่หนากว่า ทำมาจากแป้ง น้ำหรือนม และยีสต์ ผสมให้เข้ากันแล้วพักไว้จนแป้งขึ้นฟู หลังจากนั้นนำมาใส่พิมพ์ทอดจนสุก เชื่อกันว่าครัมเป็ตมีต้นกำเนิดมาจากเวลส์และถูกรับประทานมานานก่อนที่สูตรครัมเป็ตอย่างเป็นทางการ จะถูกเผยแพร่โดยเอลิซาเบธ ราฟฟาลด์ในปี พ.ศ. 2312 ครัมเป็ตมีรูพรุนจากฟองอากาศที่เป็นเอกลักษณ์ และมีเนื้อสัมผัสหนานุ่มเหมือนฟองน้ำ ที่ช่วยให้ซอส เนย หรือแยม ซึมลงไปในเนื้อครัมเป็ตได้

0135.jpg

แบงเกอร์แอนด์แมช (Bangers & Mash) เป็นอาหารทานง่ายยอดนิยมของอังกฤษ ที่มีไส้กรอกเนื้อฉ่ำเสิร์ฟพร้อมมันบดที่ละเอียดจนเนื้อแทบเป็นครีมและน้ำเกรวี่หัวหอมเข้มข้น หรือเรียกอีกอย่างว่าไส้กรอกและมันบด เป็นอาหารอังกฤษที่หาทานได้ทั่วเกาะบริเตนใหญ่ โดยเฉพาะตามผับอังกฤษที่ขายอาหารสไตล์โฮมเมดแสนอร่อย

แบงเกอร์แอนด์แมช.jpg

หอการค้าที่น่าไปใน United Kingdom

The Trafford Centre

https://maps.app.goo.gl/jPenLU9J97wrWAyJA

The Trafford Centre.png

Cheshire Oaks Designer Outlet

https://maps.app.goo.gl/cwmdLmeVYUKay3eBA

Cheshire Oaks Designer Outlet.png

แฮร์รอดส์ (Harrods) เป็นอันดับแรกๆ เพราะขึ้นชื่อในเรื่องดีไซน์ที่เหมาะสำหรับสาวๆ ดูเรียบง่าย เป็นตัวของตัวเอง กระเป๋า Harrods แท้ๆ มีต้นกำเนิดจากห้างสรรพสินค้าหรูหราบนถนน บรอมพ์ตัน ไนท์บริดจ์ ลอนดอน ก่อตั้งในปี ค.ศ.1834 โดยชาร์ลส์ เฮนรี แฮร์รอด ห้างค้าปลีกที่มีข้าวของให้เลือกช้อปเพียบ แต่ถ้าพูดถึงกระเป๋าก็มีให้เลือกหลายดีไซน์ หลายวัสดุ มีทั้งกระเป๋าเป้ กระเป๋าถือ กระเป๋าสตางค์ ซึ่งกระเป๋ารูปแบบที่เราคุ้นตากันดีก็คือ กระเป๋า PVC ทรง shopping bag ลวดลายน่ารักๆ

แฮร์รอดส์.jpg

พอล สมิธ (Paul Smith) สินค้าจากเมืองผู้ดีอังกฤษ ก่อตั้งในปี ค.ศ.1946 จุดเด่นคือเป็นกระเป๋าที่มีสีสันสดใส แฝงด้วยความสนุก และลวดลายไม่ซ้ำใคร มีวางจำหน่ายกว่า 70 ประเทศทั่วโลก ซึ่ง กระเป๋าแบรนด์อังกฤษ ยี่ห้อนี้ เหมาะกับสาวๆ ที่ไม่ชอบความซ้ำซากจำเจ มีความเป็นตัวของตัวเองสูง และรักความอิสระ เพราะ Paul Smith มีคอลเลคชันให้เลือกเยอะมาก รวมถึงเสื้อผ้า รองเท้า และเครื่องประดับต่างๆ รับรองว่าเลือกไม่ถูกแน่นอน ของคุณผู้ชายก็มีนะ

พอล สมิธ.jpg

เคท คิดสตัน (Cath Kidston) ก่อกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ.1993 เริ่มต้นเป็นร้านเล็กๆ ในแถบ Holland Park และกลายเป็นแบรนด์กระเป๋ายอดนิยม ด้วยดีไซน์สวยสไตล์วินเทจ เหมาะสำหรับสาวหวาน ด้วยลวดลายดอกไม้น่ารักๆ สีพาสเทลหน่อยๆ มีให้เลือกทั้งกระเป๋าถือใบเล็กใบใหญ่ กระเป๋าสตางค์ กระเป๋าเดินทาง และยังมีของใช้จุกจิก มีให้เลือกหลากหลายวัสดุ ราคาเริ่มต้นประมาณ 1,000 บาท สังเกตให้ดีว่าของแท้จะใช้หนังตกแต่งกระเป๋า และมีความหนากว่านะคะ ไป ทัวร์อังกฤษ ทั้งที แนะนำว่าต้องซื้อค่ะ

เคท คิดสตัน.jpg

ออลเซนต์ (AllSaints) ที่เริ่มจากผลิตเสื้อผ้าสุภาพสตรีและสุภาพบุรษ จนมาสู่กระเป๋าคุณภาพเยี่ยม ก่อตั้งในปี ค.ศ.1994 โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงลอนดอน โดดเด่นด้วยสินค้ากระเป๋าหนังสีเรียบๆ อย่างเช่น สีดำ สีเอิร์ทโทน ให้ลุคที่ดูเรียบหรู ในขณะเดียวกันก็มีความเป็นแฟชั่นชิคๆ สามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้ ผลิตจากวัสดุชั้นเยี่ยม สไตล์ไฮเอนด์สุดๆ แบรนด์นี้มีสาขาทั่วลอนดอนเลยค่ะ ใครกำลังหากระเป๋าเรียบหรูสักใบ คุณภาพดี

ออลเซนต์.jpg

ดูดีดั่งสโลแกนที่ว่า “Iconic British Luxury Brand” เสียจริงๆ กับกระเป๋าหรูยี่ห้อ เบอร์เบอร์รี่ (Burberry) สวยงามคลาสสิก เหมาะสำหรับสาววัยทำงานที่อยากได้ลุคน่าเชื่อถือ ต้องเลือกกระเป๋าแบรนด์นี้เลยค่ะ มั่นใจได้เลยว่า ดี!! เพราะวางจำหน่ายมายาวนาน 100 กว่าปี จุดเด่นอยู่ที่ลายสก๊อตสีครีม ที่เห็นปุ๊บก็รู้ได้เลยว่าเป็นแบรนด์ Burberry แน่นอน มีให้เลือกหลายดีไซน์ตั้งแต่ กระเป๋าสะพาย กระเป๋าถือ กระเป๋าคล้องแขน และกระเป๋าอื่นๆ อีกเพียบ และก็มีรุ่นใหม่ฮิตๆ ออกมาดีมากมาย นอกจากกระเป๋าแล้วก็ยังมีเสื้อผ้าสวยๆ อีกด้วย

Iconic British Luxury Brand.jpg

ต่อกันที่อีกหนึ่ง กระเป๋าแบรนด์อังกฤษ ยอดนิยมและควรสอยมาครอบครองกับ มัลเบอร์รี่ (Mulberry) กระเป๋าที่มากด้วยเอกลักษณ์ มรดกสมัยใหม่ แบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่มีสินค้าทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ กระเป๋า และอื่นๆ อีกเพียบ ก่อตั้งในปี ค.ศ.1971 แฟชั่นหรูดูดีที่เหมาะสำหรับสาวแฟชั่นนิสต้า รักการแต่งตัวเป็นชีวิตจิตใจ จุดเด่นของกระเป๋าแบรนด์นี้คือการใช้หนังดีมีคุณภาพ ดีไซน์สวย ดูเรียบหรู ใช้งานก็สะดวก

มัลเบอร์รี่.jpg

มาถึงแบรนด์ดังจากลอนดอน เท็ดเบเกอร์ (Ted Baker) ที่ก่อตั้งในปี ค.ศ.1988 เป็นแบรนด์แฟชั่นชั้นนำที่มีสินค้าครบครัน ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า สำหรับคุณผู้หญิงและคุณผู้ชาย ในสไตล์เรียบหรูตามแบบฉบับของคนอังกฤษ ส่วนกระเป๋าก็มีให้เลือกหลากหลายดีไซน์ สำหรับการใช้งานต่างๆ ซึ่งนอกจากสินค้าแฟชั่นอย่างกระเป๋าและเครื่องแต่งกายแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์บำรุงผิว รวมถึงของใช้ในบ้านอีกด้วย

เท็ดเบเกอร์.jpg

แรดลีย์ ลอนดอน (Radley London) แบรนด์กระเป๋าที่ทั้งน่ารักและเรียบหรูดูดี สัญชาติอังกฤษ ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1980 เริ่มต้นจากกระเป๋าแบรนด์เล็กๆ ซึ่งได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ยอดนิยม จุดเด่นของกระเป๋าแบรนด์นี้คือความเรียบง่าย แต่แฝงความน่ารักด้วยการปักลายรูปน้องหมาน้องแมว หรือมีเครื่องประดับดีเทลน่ารักๆ อีกทั้งยังขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพของกระเป๋าที่ดีเยี่ยม ออกแบบให้เข้ากับการใช้งาน

แรดลีย์ ลอนดอน.jpg

โจ มาโลน เป็นแบรนด์น้ำหอมชื่อดังจากประเทศอังกฤษ นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ของโจ มาโลนยังมีเป็นผลิตภัณฑ์อาบน้ำดูแลผิวกาย และเครื่องเทียนหอมที่นิยมใช้ดับกลิ่นภายในบ้านนั่นเอง ร้านโจ มาโลนแห่งแรก เปิดที่กรุงลอนดอนเมื่อปี พ.ศ. 2537 ซึ่งร้านดังกล่าวได้มีการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์หลายชนิด ทั้งสกินแคร์ น้ำหอม รวมถึงเทียนหอม จุดเด่นและความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแบรนด์โจ มาโลน คือการนำเสนอมุมมองความแตกต่างใหม่ๆของการใช้กลิ่นหอมด้วยหลักการผสมผสานความหอมที่เป็นอิสระและบ่งบอกถึงตัวตน

โจ มาโลน.jpg
bottom of page