top of page

OSAKA

โอซาก้า

1. ยูนิเวอร์แซลสตูดิโอโอซาก้า

(Universal Studio Osaka)

ยูนิเวอร์แซลสตูดิโอโอซาก้า สวนสนุกสุดปังแห่งโอซาก้าที่สายหวาดเสียวของลองของต้องมาปักหมุดให้ได้    โดยที่นี่เป็นสวนสนุกแห่งแรกของยูนิเวอร์ซัล สตูดิโอส์ ที่เปิดในเอเชีย เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมีนาคม ปี ค.ศ.2001 และยังได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากการที่ในแต่ละปีมีผู้เข้าชมมากกว่า 8 ล้านคนเลยทีเดียว ภายในแบ่งสวนสนุกออกเป็น 15 โซน โดยสร้างตามธีมหนังฮอลลีวูดต่าง ๆ จุดที่เรียกแขกมากที่สุดต้องยกให้ โซนแฮรี่ พอตเตอร์ ที่เหล่าสกวกพ่อมดน้อยทุกคนใฝ่ฝันถึงว่าต้องมาให้ได้สักครั้งในชีวิต บรรยากาศราวกับหลุดเข้ามาให้โลกเวทมนตร์อย่างไรอย่างนั้น

0111.jpg
0112.jpg

2. เที่ยวปราสาทโอซาก้า

(Osaka Castle)

ปราสาทโอซาก้านับว่าเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองโอซาก้าเลยก็ว่าได้ ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องความสง่างาม และยังได้รับการยกย่องให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญโดยรัฐบาลญี่ปุ่นอีกด้วย ปราสาทโอซาก้าถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1583 โดยท่านไดเมียว โทะโยะโตะมิ ฮิเดะโยะชิ (Toyotomi Hideyoshi) ถือเป็นปราสาทที่ใหญ่โตอลังการที่สุดของญี่ปุ่นในขณะนั้น ตัวปราสาทถูกล้อมรอบด้วยกำแพงหินคอนกรีตสูงถึง 30 เมตร โดยใช้หินทีละก้อนมาวางต่อกันอย่างแน่นหนาและแข็งแรงมาก ก้อนที่ใหญ่ที่สุดนั้นมีน้ำหนักมากถึง 130 ตันเลยทีเดียว หอคอยปราสาทจะมีทั้งหมด 8 ชั้น ปัจจุบันได้เป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของปราสาทและเรื่องราวของท่านไดเมียว โทะโยะโตะมิ ฮิเดะโยะชิ และยังได้รวบรวมของสะสมที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์กว่า 10,000 ชิ้น เช่น เครื่องแต่งกายโบราณ อาวุธ เกราะ ดาบที่ใช้ในสงคราม และภาพวาดของท่านโทะโยะโตะมิ ฮิเดะโยะชิ เป็นต้น แถมยังมีมุมให้นักท่องเที่ยวได้แต่งองค์ทรงเครื่องเป็นซามูไรและใส่กิโมโนถ่ายรูปในราคา 300 เยน หรือจะขึ้นลิฟต์ไปชมวิวและทัศนียภาพของเมืองโอซาก้าแบบ 360 องศาบนชั้น 8 ได้อีกด้วย รอบๆ ล้อมรอบด้วยคูน้ำและสวนนิชิโนมารุ (Nishinomaru Garden) บรรยากาศร่มรื่นเย็นสบาย มีต้นซากุระกว่า 600 ต้น โดยมีปราสาทเป็นฉากอยู่ด้านหลัง เป็นภาพที่สวยงาม จัดเป็นสถานที่ชมซากุระที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น

3. พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง

(Osaka Aquarium Kaiyukan)

เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำในร่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่เท็มโปซังฮาเบอวิลเลจ (Tempozan Harbor Village) บริเวณริมอ่าวโอซาก้า บนเพดานเต็มไปด้วยไฟประดับสีฟ้าหลายร้อยดวง เหมือนมีแสงสว่างจากเหล่าแพลงก์ตอนส่องแสงให้เห็นความสวยงามตลอดทาง ทำให้รู้สึกว่ากำลังอยู่ในท้องทะเลอันกว้างใหญ่จริง ๆ ที่นี่มีทั้งหมด 8 ชั้น สามารถดูชีวิตใต้น้ำของสัตว์ทะเลที่ได้รวบรวมปลาสารพัดสายพันธุ์มาไว้จากทั่วโลก เราจะได้พบกับปลาแปลก ๆ มากมาย และสัตว์ต่าง ๆ ที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน โดยตู้ที่ใหญ่ที่สุดก็คือ Central Tank ที่มีความลึกถึง 9 เมตร จุน้ำมากกว่า 5 พันตัน เป็นการจำลองชีวิตในมหาสมุทรแปซิฟิคที่มีทั้งปลากระเบน ปลาช่อนยักษ์อเมซอน ปลาปักเป้าฟันสองซี่ รวมถึงฉลามวาฬซึ่งเป็นปลาที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็อยู่ในตู้นี้ด้วย

0113.jpg
0114.jpg

4. ย่านโดทงโบริ

(Dotonbori)

โดทงโบริ แหล่งช็อปปิ้งและสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโอซาก้า เป็นถนนสายเล็ก ๆ ที่อยู่เลียบคลองโดทงโบริ ในช่วงกลางคืนจะเปิดไฟประดับประดาสวยงาม ร้านค้าต่าง ๆ ก็จะเต็มไปด้วยแสงสี มีผู้คนมาเดินเล่นซื้อของ ทานอาหาร และดื่มด่ำกับบรรยากาศโรแมนติกริมคลองนี้กันอย่างคึกคัก เราจะเห็นป้ายไฟกูลิโกะ (Glico Running Man sign) ที่เป็นรูปนักวิ่งกำลังชูมืออยู่ ถือเป็นสัญลักษณ์ของย่านโดทงโบริเลย ร้านขึ้นชื่อก็มีร้านปูยักษ์ Kani Doraku crab sign ที่ทั้งสดและรสชาติอร่อยเหาะ ปูแต่ละตัวที่ทางร้านคัดสรรมาอย่างดี และมาชิมปลาปักเป้าที่ร้าน Duboraya ทั้งอร่อย สะอาดและปลอดภัย ปกติหาทานที่ไหนไม่ได้ง่าย ๆ ต่อด้วยทาโกะยากิ ร้าน Dotonbori Konamon Museum ที่มีเจ้าปลาหมึกยักษ์เกาะอยู่หน้าร้าน ทาโกะยากิแสนอร่อยที่ทำกันใหม่ ๆ ส่งกลิ่นหอมไปทั่ว เราสามารถทำเองได้ด้วย และยังมีเวิร์คช็อปให้เราปั้นทาโกยากิปลอมกลับไปเป็นของที่ระลึกอีกด้วย

5. วัดชิเทนโนจิ

(Shitennoji Temple)

วัดชิเทนโนจิเป็นวัดพุทธแห่งแรกและเก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น ถูกสร้างขึ้นมานานกว่า 1,424 ปี โดยเจ้าชายโชโทคุ (Shotoku) ซึ่งมีความเลื่อมใสในพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก และได้จ้างช่างไม้ฝีมือดีสร้างวัดแห่งนี้ขึ้นมาโดยมีต้นแบบมาจากสถาปัตยกรรมของวัดในประเทศจีน ซึ่งที่นี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเผยแผ่พุทธศาสนาในญี่ปุ่นอีกด้วย แต่ต่อมาตัวอาคารก็ถูกไฟไหม้และสงครามหลายต่อหลายครั้ง จึงมีการซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ อย่างละเอียดเพื่อให้คงรูปแบบดั้งเดิมไว้ให้มากที่สุด ประกอบไปด้วยอาคารทั้งหมด 7 ส่วน โดย 4 อาคารแรกนั้นสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้ราชาแห่งสวรรค์ทั้ง 4 และเพื่อใช้เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม บรรยากาศภายในวัดกว้างขวางและร่มรื่นมาก ๆ เลย มีทั้งสวนและบ่อน้ำ เหมาะแก่การเดินเล่นพักผ่อน และยังเป็นจุดชมดอกซากุระและใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นด้วย และทุก ๆ วันที่ 22 เมษายนของทุกปี จะมีการจัดเทศกาล Shoryo-e Bugaku Daihoyo ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายโชโทคุ โดยจะมีการร่ายรำกากะคุ (Gagaku) เป็นการร่ายรำแบบโบราณ ถือเป็นการแสดงชั้นสูงในราชสำนัก ซึ่งการร่ายรำนี้ถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่นอีกด้วย ภายในวันงานมีตลาดนัด Flea Market ที่มีจำนวนร้านมากถึง 400 ร้าน เต็มไปด้วยสินค้าสวย ๆ แปลกตาเยอะมาก ส่วนใหญ่จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำจากไม้ในสไตล์ญี่ปุ่น ผู้คนที่มาเดินต้องได้ของของติดไม้ติดมือกลับไปอย่างแน่นอน

0115.jpg
0116.jpg

6. ศาลเจ้านัมยะ ยาสากะ

(Namba Yasaka Shrine)

ศาลเจ้าในเขตนัมบะของโอซาก้า ศาลเจ้ามีความสูง 12 เมตร กว้าง 11 เมตร และลึก 10 เมตร ลักษณะเป็นรูปหัวสิงโต shishi (สิงโตในตำนาน) ขนาดใหญ่มโหฬารดึงดูดสายตาผู้คนและมีพลังอย่างมากหากได้มาชมสถานที่จริง ในปี 2001 ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่เป็นนามธรรมแห่งแรกในโอซาก้า

bottom of page