top of page

Sri Lanka

ศรีลังกา

Colombo City.jpg

Colombo City

นี่คือหนึ่งในไฮไลท์ของศรีลังกาที่คุณจะได้ซึมซับศิลปะวัฒนธรรมและประวัติความเป็นมาอันยาวนานของประเทศนี้จากเมืองหลวง Colombo เมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์สีสัน ทั้งตึกรามบ้านช่องที่โดดเด่นแปลกตา เป็นสไตล์บริทิชโคโลเนียล เนื่องจากว่าศรีลังกานั้นเคยตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศอังกฤษอยู่หลายร้อยปี ทำให้ยังมีกลิ่นอายศิลปะผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออก ผู้คนที่น่ารักและยิ้มแย้มต้อนรับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี มาเที่ยวศรีลังกาลองแวะไปเดินชมเมืองโคลอมโบ หรือจะนั่งรถสามล้อชมเมืองก็สามารถทำได้ แต่ต้องตกลงราคากับทางคนขับให้ดีเสียก่อน

Independence Square (จัตุรัสแห่งอิสรภาพ).jpg

Independence Square (จัตุรัสแห่งอิสรภาพ)

หนึ่งในจุดเช็กอินต้องห้ามพลาดในเมืองโคลอมโบนั่นก็คือ Independence Square หรือจัตุรัสแห่งอิสรภาพ สัญลักษณ์แห่งความเป็นอิสรภาพของชาวศรีลังกาต่อประเทศอังกฤษ สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1948 ถือได้ว่าเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศศรีลังกาเลยทีเดียว

Jami Ul Alfar Mosque (มัสยิดแดง).jpg

Jami Ul Alfar Mosque (มัสยิดแดง)

มัสยิดแดง หรือ "Jami Ul Alfar Mosque" Ig Spot อันโด่งดังของศรีลังกา เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะเคยเห็นรูปของมัสยิดแดงแห่งนี้ผ่านทางไอจีท่องเที่ยวชื่อดังระดับโลกหลายๆ คนกันมาบ้างแล้ว มัสยิดแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่มีความงดงามและแปลกตามากๆ สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1909 มีการใช้สีแดงและขาวสลับกันเป็นลายขวาง มองดูแล้วคล้ายกับสีลูกกวาดเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีรูปทรงการออกแบบที่ดูยิ่งใหญ่ตระการตา เหมาะจะใช้เป็นแบ็คกราวด์ในการถ่ายภาพ เพื่อเก็บความทรงจำกลับไปจากศรีลังกากัน

Gangaramaya Temple (วัดคงคาราม).jpg

Gangaramaya Temple (วัดคงคาราม)

วัดคงคาราม วัดไทยที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากในศรีลังกา เป็นวัดไทยนิกายสยามวงศ์ และเป็นที่ตั้งโรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์แห่งแรกของศรีลังกา ภายในวัดมีความสงบร่มเย็นและเต็มไปด้วยศิลปะทางพระพุทธศาสนาอันทรงคุณค่ามากมาย เช่น พระพุทธรูปปางมารวิชัยสีเหลืองที่ประดิษฐานอยู่ด้านในพระอุโบสถพร้อมกับจิตกรรมฝาผนังที่ดูสวยงามอลังการเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีต้นศรีมหาโพธิ์ที่ได้หน่อต้นมาจากต้นศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยาอินเดียด้วย และพิพิธภัณฑ์สะสมของเก่าแก่ทั้งวัตถุมงคล และสิ่งของเครื่องใช้ ที่ทางวัดได้เก็บรวบรวมเอาไว้ให้เราได้เดินศึกษาประวัติความเป็นมาได้อย่างน่าสนใจ 

วัดไทยพระปฐมเจดีย์ศรีลังกา.jpg

วัดไทยพระปฐมเจดีย์ศรีลังกา

ออกจากตัวเมืองโคลอมโบ แวะมาเที่ยวที่วัดไทยพระปฐมเจดีย์ศรีลังกากันบ้าง วัดแห่งนี้เปรียบเสมือนเป็นวัดไทยแท้ๆ ที่เราคุ้นชินตากันในเมืองไทย ตั้งแต่พระอุโบสถรวมไปถึงองค์พระเจดีย์ที่มีรูปทรงคล้ายพระปฐมเจดีย์ที่จังหวัดนครปฐม ซึ่งเมื่อได้ทราบถึงประวัติความเป็นมา ก็ทำให้เราได้ถึงบางอ้อ เพราะว่า พระสีวลี ที่เป็นเจ้าอาวาสของวัดนี้ ท่านได้มีโอกาสไปจำพรรษาที่วัดพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐมนั่นเอง หลังจากนั้นท่านจึงได้กลับมาสร้างวัดไทยในแผ่นดินบ้านเกิด จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมองค์เจดีย์ของวัดนี้จึงมีลักษณะคล้ายกับองค์พระปฐมเจดีย์ที่จังหวัดนครปฐม 

222.jpg

วัด Kelaniya Raja Maha Vihara (วัดกัลณียาราชมหาวิหาร)

มาต่อกันที่อีกหนึ่งวัดสำคัญของศรีลังกา ซึ่งถือได้ว่าเป็นวัดที่ชาวพุทธในศรีลังกาให้การนับถือมากที่สุด วัดกัลณียาราชมหาวิหารแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อ 1,900 กว่าปีที่แล้ว เป็นวัดเก่าแก่ที่ชาวศรีลังกาเชื่อว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอรหันต์ที่เป็นสาวกอีก 500 รูป ได้เคยเสด็จมายังวัดแห่งนี้ในวันวิสาขบูชา ในบริเวณวัดมีเจดีย์ทรงระฆังคว่ำสีขาวขนาดใหญ่ที่เชื่อกันว่าบรรจุพระแท่นบัลลังก์ที่พระพุทธเจ้าประทับเมื่อคราวมาโปรดพญานาคมณีอัคขิกะและบริวาร

วัด Kelaniya Raja Maha Vihara (วัดกัลณียาราชมหาวิหาร).jpg

Dambulla (วัดถ้ำดัมบูลลา)

มรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งศรีลังกา ที่เราอยากให้ทุกคนได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง วัดถ้ำ Dambulla เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากของศรีลังกา วัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดเขาต้องใช้เวลาเดินเท้าเพื่อขึ้นไปที่วัดประมาณ 15 นาที ทางเดินเป็นพื้นปูนไล่ไปตามระดับความชันของภูเขาเดินได้ง่ายๆด้านบนเราจะได้พบกับความมหัศจรรย์ระหว่างธรรมชาติและสิ่งปลูกสร้างของมนุษย์ 

Sigiriya (พระราชวังลอยฟ้า สิกิริยา).jpg

Sigiriya (พระราชวังลอยฟ้า สิกิริยา)

ห่างจากวัดถ้ำ Dambulla มาประมาณ 24 กิโลเมตร เรามุ่งหน้าเข้าสู่ Sigiriya พระราชวังลอยฟ้าสุดยิ่งใหญ่ ที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นอนุสรณ์สถานคนบาปลูกฆ่าพ่อเพื่อชิงราชสมบัติ โดยประวัติการสร้างพระราชวังแห่งนี้นั้น เริ่มต้นขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1020 พระเจ้ากัสสปะได้ทรงกระทำการชิงราชสมบัติจากพระราชบิดาของตัวเองนั่นก็คือพระเจ้าธาตุเสน และได้จับพระราชบิดาขังไว้ในคุกแล้วโบกปูนทับทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่จนพระราชบิดาถึงแก่ชีวิต หลังจากนั้นพระเจ้ากัสสปะจึงได้ได้ขึ้นครองราชย์และได้มีรับสั่งให้สร้างพระราชวังขึ้นบนภูเขา Sigiriya อย่างยิ่งใหญ่อลังการ โดยใช้เวลาในการสร้างนานถึง 7 ปีด้วยกัน พระเจ้ากัสสปะครองราชย์อยู่ได้นานถึง 18 ปีก็ได้ถูก พระโมคคัลาน์ พระอนุชาต่างมารดาที่ทรงลี้ภัยไปอยู่ที่อินเดียเมื่อครั้งพระเจ้ากัสปะยึดราชสมบัตินั้น ยกทัพจากอินเดียเพื่อมาชิงเอาราชสมบัติขึ้น กองทัพของพระโมคคัลาน์ได้ปิดล้อมภูเขา Sigiriya แห่งนี้เอาไว้อย่างเหนียวแน่น พระเจ้ากัสสปะหมดหนทางสู้จึงได้ปลิดชีพตัวเองตายในพระราชวังแห่งนี้ในที่สุด หลังจากนั้นพระราชวังแห่งนี้ได้ถูกปล่อยให้รกร้างก่อนที่ พันเอกเบส ฟอร์เบส นายทหารของอังกฤษ จะได้เข้ามาค้นพบความลับกลางป่าใหญ่แห่งนี้เมื่อศตวรรษที่ 19 และได้ทำการสำรวจจนพบร่องรอยทางประวัติศาสตร์มากมายที่ภูเขาแห่งนี้ และเกิดการสำรวจอย่างละเอียดตามมาในยุคต่อจากนั้นจนถึงทุกวันนี้ 

Geragama Tea Factory.jpg

Geragama Tea Factory

หนึ่งในของขึ้นชื่อของศรีลังกาที่มาแล้วต้องลองนั่นก็ชื่อ Ceylon Tea หรือชาซีอลนนั่นเอง โดยเราจะพาทุกคนไปชมตั้งแต่ต้นทางการผลิตชาซีลอนที่ Geragama Tea Factory โรงงานผลิตชาที่มีชื่อเสียงในเมือง Kandy ที่นี่เราจะได้เห็นกระบวนการผลิตชาซีลอนชั้นดี ตั้งแต่การคัดเลือกยอดชาไปจนถึงการคัดแยกเกรดของชาแต่ละตัวก่อนจะนำบรรจุภัณฑ์ นอกจากนี้ภายในโรงงานยังมีโซนร้านค้าให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อชาซีลอนไปเป็นของฝาก รวมไปถึงมีสาธิตการชงชาให้ทานกันด้วยบอกเลยว่าใครที่ชื่นชอบการดื่มชาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนั้นฟินแน่นอน

Temple of the Sacred Tooth Relic (วัดพระเขี้ยวแก้ว).jpg

Temple of the Sacred Tooth Relic (วัดพระเขี้ยวแก้ว) วัดพระเขี้ยวแก้วถือได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันศักดิ์สิทธิ์ประจำเมือง Kandy เมืองหลวงเก่าของประเทศศรีลังกา เป็นวัดที่มีความสำคัญต่อพระพุทธศานาสนาในประเทศศรีลังกาเป็นอย่างมาก มีประวัติเล่าว่าเมื่อปี พ.ศ. 913  เจ้าชายทันตกุมาร และเจ้าหญิงเหมชาลา แห่งแคว้นกาลิงคะ ในอินเดีย ได้แอบซ่อนพระธาตุเขี้ยวแก้ว ซึ่งเป็นพระเขี้ยวแก้วด้านซ้ายของพระพุทธเจ้า หนีไปยังเกาะลังกา หรือประเทศศรีลังกาในปัจจุบัน ตามพระบัญชาของพระบิดาพระเจ้าคุหเสวราช เพราะพระธาตุเขี้ยวแก้วนี้เป็นที่ต้องการของเมืองต่างๆ มาก อาจก่อให้เกิดสงครามการแย่งชิงพระธาตุเขี้ยวแก้วได้ พระเจ้าคุหเสวราช เห็นว่าเกาะลังกานั้นเป็นสถานที่ที่เหมาะสมในการจะประดิษฐานพระธาตุเขี้ยวแก้วนี้ให้ปลอดภัยจึงได้มีพระบัญชาดังกล่าว

พระบรมมหาราชวังแคนคี้.jpg

พระบรมมหาราชวังแคนคี้ เมื่อมาถึงเมือง แคนดี้ แล้วละก็ แนะนำให้จัดเวลาไว้สำหรับท่องเมืองสักหน่อย ซึ่งหนึ่งในสถานที่ห้ามพลาดของ ศรีลังกา ก็คือ พระบรมมหาราชวังแคนดี้ (Royal Palace of Kandy) ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ของเมืองระบอบราชาธิปไตยหรือที่รู้จักในนามอาณาจักรแคนดี้ เป็นที่อยู่ของเชื้อพระวงศ์ โดยกษัตริย์องค์สุดท้ายที่อาศัยในพระราชวังแห่งนี้คือศรีวิกรมราชสิงหะ (Sri Vikrama Rajasinha) ซึ่งครองราชย์จนถึง ค.ศ.1815 จนกระทั่งกองทัพบริติชเข้ายึดการปกครอง หากจะพูดถึงการก่อสร้างก็ต้องย้อนไปถึงศตวรรษที่ 14 โดย พระบรมมหาราชวังแคนดี้ นี้คือพระราชวังแห่งสุดท้ายที่สร้างขึ้นใน ศรีลังกา เดิมทีพื้นที่วัดแห่งนี้มีอาคารต่างๆ อยู่มากมาย แต่คงเหลืออยู่เพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น ปัจจุบันส่วนก่อสร้างที่เหลืออยู่เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงงานศิลปะและโบราณวัตถุสมัยอาณาจักรแคนดี้ และช่วงเวลาที่บริติชเข้าปกครอง ตั๋วเข้าชม พระบรมมหาราชวังแคนดี้ สำหรับผู้ใหญ่ราคา 1,000 รูปีศรีลังกา ส่วนตั๋วเด็กราคา 300 รูปีศรีลังกา

224.jpg

Nine Arch Bridge แห่งเมืองเอลลา สิ่งแรกที่อยากแนะนำให้ทำหากไปเยือน เอลลา ก็คือ ออกนอกเมืองสักนิด เพื่อไปเที่ยว Nine Arch Bridge แสนงาม ซึ่งซุกตัวอยู่ในความเขียวชอุ่ม โดยเราจะต้องผ่านป่าทึบไปก่อนถึงจะได้สัมผัสกับสะพานแห่งนี้ ที่เป็นตัวอย่างของรูปแบบทางรถไฟสมัยโคโรเนียล ทางรถไฟแห่งนี้สร้างจากหินและอิฐล้วนๆ ไม่มีการใช้เหล็กใดๆ ทั้งสิ้น และก็ตรงตามชื่อเลยคือมีถึงเก้าโค้ง สะพานแห่งนี้สูงเกือบ 80 ฟุต ยาวเกือบๆ 300 ฟุต บอกเลยว่าสถานที่แห่งนี้ จะทำให้ทุกคนได้ภาพสวยๆ ไปโพสต์ในโซเชียลมีเดียชัวร์

น้ำตกดิยาลูม่า.jpg

น้ำตกดิยาลูม่า น้ำตกดิยาลูม่า (Diyaluma Falls) คือน้ำตกที่สูงที่สุดเป็นอันดับสองของเกาะแห่งนี้ อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่สวยงามและชวนตื่นตาตื่นใจ บริเวณจุดสูงสุดมีบ่อน้ำมากมายที่ไหลสู่หน้าผา ซึ่งวิวจากบ่อน้ำเหล่านี้งดงามเกินบรรยาย โดยเราสามารถลงน้ำตรงนี้ได้ด้วย แต่ต้องระมัดระวังสุดๆ เช่นกัน เมื่อเที่ยวแถวนี้จนฟินแล้ว สามารถเดินไปตามทางน้ำสู่แอ่งน้ำขนาดใหญ่กว่าเดิมได้ ซึ่งตรงนั้นจะว่ายน้ำก็ได้ หรือจะกระโดดจากผาก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้บริเวณนั้นยังมีหินเรียบๆ ให้เราใช้เป็นสไลเดอร์ได้ด้วย! วิธีเดินทางไปยัง น้ำตกดิยาลูม่า นั้น สามารถจ้างรถไปจาก เอลลา ได้เลย เพราะคนขับรถท้องถิ่นรู้เส้นทางไปยังแลนด์มาร์กชื่อดังเป็นอย่างดี เวลาเดินทางอยู่ที่หนึ่งชั่วโมงนิดๆ หลังลงจากรถแล้ว ใช้เวลาเดินจากถนนไปยังยอดน้ำตกอีกราว 30 นาที ซึ่งมีเส้นทางเดินง่ายๆ ไว้ให้ ฝ่าหญ้าสูงๆ ไปตามทางได้เลย

ชมชีวิตสัตว์ในอุทยานแห่งชาติ.jpg

ชมชีวิตสัตว์ในอุทยานแห่งชาติ

ศรีลังกา ก็คือจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ในโลกของคนที่หลงใหลสัตว์ป่า เพราะเรามีโอกาสจะได้เห็นสัตว์ป่ามากมายที่นี่ ประเทศนี้ยังมีอุทยานแห่งชาติหลงเหลืออีกมากมาย ซึ่งแต่ละแห่งก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ส่วนภูมิอากาศในแต่ละท้องที่ก็ต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสิ่งมีชีวิตทางธรรมชาติและพิกัดที่ตั้งด้วย โดยอุทยานแห่งชาติทั้งหมดมีพืชพรรณและสัตว์ป่าอยู่มากมายที่รอให้เราไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ผ่านทัวร์ต่างๆ และนี่ก็คือสิ่งที่เราจะได้เจอในอุทยานแห่งชาติของ ศรีลังกา 4 แห่งที่ดีงที่สุด

อุทยานแห่งชาติ Kaudulla.jpg

อุทยานแห่งชาติ Kaudulla กว้างใหญ่ถึง 70 ตารางกิโลเมตร มีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอยู่ถึง 24 สายพันธุ์ กับนกอีกราวๆ 160 ชนิด รวมทั้งสัตว์เลื้อยคลายและปลาอีกมากมาย ไฮไลต์ของอุทยานแห่งชาตินี้คือช้าง ที่มีอยู่เกิน 200 เชือก! ช่วงเวลาที่เหมาะจะมาเจอช้างที่สุดคือเดือนกันยายนถึงตุลาคม เพราะพวกมันจะมารวมตัวกันแถวๆ อ่างเก็บน้ำ ส่วนสัตว์อื่นๆ ที่เราจะได้เจอใน อุทยานแห่งชาติ Kaudulla อีกก็มีทั้งกวาง Sloth Bear นกฮูก นกกระทุง และเต่าพันธุ์ Freshwater

อุทยานแห่งชาติ Udawalawe.jpg

อุทยานแห่งชาติ Udawalawe ก็เป็นอีกที่ที่เหมาะสำหรับคนที่อยากมาดูช้างที่อยู่กันตามธรรมชาติ อุทยานแห่งนี้มีพื้นที่ราวๆ 300 ตารางกิโลเมตร มีช้างอยู่มากถึง 250 เชือก ซึ่งเราพบเจอได้ง่ายๆ ตามที่โล่งในอุทยาน ความจริงแล้วแทบจะการันตีได้เลยว่าถ้ามาที่นี่ ต้องได้เห็นบรรดาฝูงช้างเหล่านี้แน่ นอกจากนี้ยังมีสัตว์ตระกูลแมวอีกเพียบ ทั้งเสือดาวศรีลังกา เสือปลา และแมวดาวพันธุ์ Rusty Spotted สิ่งมีชีวิตน่าสนใจยังไม่หมดเท่านี้ บริเวณพื้นที่โล่งของอุทยานยังเป็นแหล่งรวมนกล่าเหยื่อต่างๆ และมีอ่างเก็บน้ำแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของปลาและสัตว์เลื้อยคลาน

อุทยานแห่งชาติYala.jpg

อุทยานแห่งชาติ Yala คือสถานที่ที่ดีที่สุดในการมาดูสัตว์นักล่าซึ่งถือเป็นพระเอกประจำเกาะอย่างเสือดาวศรีลังกา เรียกได้ว่าอุทยานแห่งนี้คือที่อยู่อันปลอดภัยของเสือดาวประจำประเทศ ศรีลังกา เลย แล้วก็มีประชากรเสืออยู่มากสุด แทบจะรับรองได้ว่าถ้าแวะมาเที่ยว ต้องได้เจอเสือแน่ๆ อุทยานขนาดมหึมานี้แบ่งออกเป็นหกโซน โซนใหญ่สุดกว้างถึง 407 ตารางกิโลเมตร โซนเล็กสุดขนาด 66 ตารางกิโลเมตร สภาพภูมิอากาศเป็นแบบกึ่งแห้งแล้ง ส่วนสภาพพื้นที่มีทั้งที่เป็นทุ่งหญ้าเปิดและป่าไม้ ส่วนสัตว์อื่นๆ ที่อาศัยในอุทยานก็มีทั้งช้าง Sloth Bear ควาย กวาง และค่าง

อุทยานแห่งชาติ Bundala.jpg

 อุทยานแห่งชาติ Bundalaนักดูนกทั้งหลายห้ามลืมใส่ ไว้ในแพลนเที่ยว 

ศรีลังกา เด็ดขาด เพราะที่นี่มีนกอยู่เกิน 200 ชนิด! เพราะฉะนั้นไม่มีที่ไหนนเกาะจะเหมาะแก่การส่องนกเท่าอุทยานนี้อีกแล้ว ก่อนมาอย่าลืมกล้องส่องทางไกลไว้แอบดูนกใช้ชีวิตตามธรรมชาติ แล้วก็แน่นอนว่า ควรพกเลนส์ถ่ายรูปดีๆ มาเก็บภาพความประทับใจด้วย หากมาที่นี่จะได้เจอทั้งฝูงฟามิงโก นกนับพันๆ ตัว! รวมทั้งช้าง ลิง จระเข้ พังพอน 

Siigiriya Rock.jpg

Siigiriya Rock คือสิ่งมหัศจรรย์ของโลกประจำประเทศ ศรีลังกา หินผาขนาดมหึมานี้สูงเหนือป่าเบื้องล่างถึง 660 ฟุต ด้านบนสุดมีป้อมปราการเก่า ที่ครั้งหนึ่งเคยมีพระราชวังอยู่ด้วย นอกจากนี้ยังมีสวนขนาดใหญ่ บึง คลอง และภูเขา ส่วนป้อมปราการนั้นเป็นสิ่งปลูกสร้างสมัยศตวรรษที่ 5 เป็นความมหัศจรรย์ทางสถาปัตย์และวิศวกรรมอย่างแท้จริง ปัจจุบันได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก นักท่องเที่ยวสามารถไปสำรวจซากปรักหักพักของป้อมปราการนี้ได้ แถมยังจะได้ชมวิวอันแสนงามจากด้านบนสุดของหินผาด้วย

วัด Dambulla Cave.jpg

วัด Dambulla Cave คือวัดถ้ำขนาดใหญ่ที่ได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี ตั้งอยู่ใจกลาง ศรีลังกา เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Golden Temple of Dambulla ที่นี่ถูกสลักไว้ในหินซึ่งตั้งอยู่สูงขึ้นไป 520 ฟุตจากพื้นราบด้านล่าง วัดแห่งนี้สร้างขึ้นมานานมากและอาจยาวนานไปถึงศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาลเชียวละ ว่ากันว่าบริเวณนี้เริ่มมีพระมาจำพรรษาตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาลเลยทีเดียว วัดแห่งนี้มีทั้งหมดห้าถ้ำหลักๆ ที่เปิดให้เราเข้าชม แต่จริงๆ แล้วนักโบราณคดีค้นพบถึง 80 ถ้ำ! ถ้ำที่เปิดให้เราเข้าชมได้นั้นเต็มไปด้วยจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับพุทธประวัติ มีพระพุทธรูปและรูปปั้นเทพเจ้าของศาสนาฮินดูรวมกันมากกว่า 150 องค์ พระพุทธรูปที่สวยงามที่สุดคือ พระนอน ที่ยาวถึง 46 ฟุต! และเพราะที่นี่มีความสำคัญทั้งในแง่ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม องค์การยูเนสโกจึงได้ประกาศขึ้นทะเบียนให้วัด Dambulla Cave เป็นมรดกโลกตั้งแต่ปี ค.ศ.1991 ค่าเข้าชมราคา 1,500 รูปีศรีลังกา

Polonnaruwa Vatadage.jpg

Polonnaruwa Vatadage คือศาสนสถานที่ตั้งอยู่ในอาณาจักรโบราณแห่งราชวงศ์ Polonnaruwa เป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่รักษาไว้ได้สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งแห่งอาณาจักร Polonnaruwa ซึ่งรุ่งเรืองในศตวรรษที่ 11-14 เชื่อกันว่าสถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 12 โดยมีความเชื่อเกี่ยวกับการก่อสร้างที่นี่อยู่สองทฤษฎี ทฤษฎีแรกบอกไว้ว่า พระเจ้าปรากรมพาหุมหาราชมีรับสั่งให้สร้างขึ้นเพื่อเก็บรักษาพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า (พระทันตธาตุ) ส่วนอีกทฤษฎีบอกว่า พระเจ้านิสสังกมัลละมีรับสั่งให้สร้างขึ้นเพื่อเก็บรักษาบาตรของพระพุทธเจ้า ที่นี่มีสถูปอยู่ตรงกลางซึ่งคาดว่าเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และเป็นแบบอย่างของสถาปัตยกรรมที่สวยงามของ Vatadage หรือมณฑปที่สร้างครอบสถูป ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างทีเป็นเอกลักษณ์ของ ศรีลังกา เลย สำหรับค่าเช่าชม Polonnaruwa Vatadage อยู่ที่คนละประมาณ 4,500 รูปีศรีลังกา

Hikkaduwa.jpg

Hikkaduwa

เมือง Hikkaduwa อยู่ทางชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ เป็นเมืองที่ได้รับการปรับปรุงให้เป็นเมืองแห่งการเล่นเซิร์ฟแท้ๆ บรรยากาศแถวนี้ออกแนวสบายๆ แถมยังเป็นจุดหมายปลายทางของสายปาร์ตี้ด้วยนะ หาดที่นี่เงียบสงบ มีต้นปาล์มเรียงเป็นทิวแถวให้เราได้เอนหลัง พร้อมกับเติมพลังด้วยมะพร้าวในยามที่ว่างจากการโต้คลื่น ชายหาดที่นี่เหมาะกับมือใหม่หัดเซิร์ฟ เพราะบริเวณ Reef Break หรือจุดที่คลื่นแตกตัวเหนือปะการังนั้นมีระดับน้ำที่ลึกเพียงพอที่จะลดความเสี่ยงของการกระแทกได้ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการไปเล่นเซิร์ฟที่เมือง Hikkaduwa คือช่วงเดือนตุลาคมถึงเมษายน

Mirissa ศรีลังกา.jpg

ดูวาฬที่ Mirissa ศรีลังกา คือตัวเลือกที่เจ๋งมากสำหรับการไปดูวาฬและโลมา ซึ่งเมือง Mirissa ที่อยู่ชายฝั่งตอนใต้นั้นเป็นหนึ่งในสถานที่ฮิตสุดๆ สำหรับกิจกรรมนี้เลย นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในจุดที่เหมาะที่สุดสำหรับการไปดูวาฬสีน้ำเงินที่หายากแสนยาก และเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย เจ้าวาฬสีน้ำเงินนี่ใหญ่กว่าไดโนเสาร์ที่ใหญ่ที่สุด ขนาดหัวใจของมันเท่ากับรถยนต์ที่เราขับกัน และลิ้นก็หนักเท่ากับช้างทั้งตัวเชียวนะ ไม่มีที่ไหนที่วาฬสีน้ำเงินจะว่ายเข้ามาใกล้ฝั่งเท่าที่นี่แล้วด้วย บริเวณนี้ยังขึ้นชื่อว่ามีโลมาเยอะสุดๆ แถมยังมีวาฬหลากหลายชนิด เช่น วาฬหลังค่อม วาฬหัวทุย วาฬมิงค์ และวาฬฟิน ช่วงที่ดีที่สุดในการไปดูวาฬที่ Mirissa คือเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายน แต่ช่วงที่มีโอกาสจะได้เห็นวาฬสีน้ำเงินมากที่สุดคือช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงประมาณกลางเดือนมีนาคม ทริปดูวาฬมักจะเริ่มแต่เช้าตรู่และใช้เวลา

ประมาณ 3-5 ชั่วโมง มีค่าใช้จ่ายประมาณ 1,400 บาทต่อคน

Galle Fort.jpg

เดินเล่นยามบ่ายที่ Galle Fort ตั้งอยู่ชายฝั่งตะวันตกของเกาะ เป็นท่าเรือสำคัญที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ที่นี่สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.1588 โดยชาวโปรตุเกส ก่อนที่ชาวดัตช์จะมาปรับปรุงให้แข็งแรงขึ้นเมื่อช่วงกลางศตวรรษที่ 17 ป้อมปราการแห่งนี้ได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก เพราะเป็นสถานที่ที่นำเอาสถาปัตยกรรมแบบยุโรปมาผสานกับประเพณีของเอเชียใต้อย่างกลมกลืน Galle Fort ได้รับการบูรณะ โดยที่ยังคงความสวยงามตามแบบฉบับเดิมอยู่ แถมยังติดอันดับสถานที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือน ศรีลังกา ด้วย เมืองที่ตั้งอยู่หลังป้อมปราการแห่งนี้ยังมีคนอาศัยอยู่ และมีความหลากหลายทั้งด้านศาสนาและเชื้อชาติ ถ้าตัดสินใจมาเที่ยวละก็ จะใช้เวลาอยู่ที่นี่ได้เป็นสองสามชั่วโมงเพื่อดื่มด่ำกับบ้านเมืองและร้านค้าแบบโบราณที่มีสถาปัตยกรรมแบบดัตช์โคโลเนียลด้วย นอกจากนี้ยังมีโบสถ์และสุเหร่าที่น่าไปหลายแห่ง แล้วก็ยังมีตลาดพืชผลและตลาดปลาอยู่ตรงกลางเมืองอีก 

วัด Gangaramaya โคลอมโบ.jpg

วัด Gangaramaya โคลอมโบ มีวัดอยู่หลายแห่ง วัดที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือ วัด Gangaramaya สร้างขึ้นช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เป็นวัดขนาดใหญ่ที่มีการผสมผสานทั้งสถาปัตยกรรมแบบศรีลังกา อินเดีย ไทย และจีนไว้ด้วยกัน ภายในมีโบสถ์ เจดีย์ ศาล สถูป ห้องสมุด และพิพิธภัณฑ์ นอกจากการชมรูปปั้นและงานแกะสลักในวัดแล้ว ยังมีของล้ำค่าต่างๆ ที่ผู้มีจิตศรัทธานำมาถวายตลอดระยะเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมาให้ได้ชมอีกด้วย ค่าเช้าชม วัด Gangaramaya อยู่ที่ 300 รูปีศรีลังกาเท่านั้น

Independence Memorial Hall.jpg

Independence Memorial Hall อนุสรณ์สถานแห่งศรีลังกานี้ชื่อว่า Independence Memorial Hall สร้างขึ้นเพื่อฉลองการประกาศอิสรภาพจากการปกครองของอังกฤษเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1948 ก่อสร้างตรงตำแหน่งเดียวกับบริเวณที่จัดงานเฉลิมฉลองการเริ่มต้นการปกครองตนเองของศรีลังกา อนุสรณ์สถานอันงดงามแห่งนี้เต็มไปด้วยสัญลักษณ์มากมายที่เชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์และเสรีภาพในการปกครองของ ศรีลังกา ที่ Independence Memorial Hall นี้ไม่เก็บค่าเข้าชม ภายในบริเวณยังมีสนามหญ้ากว้างๆ และสวนสวยๆ ให้เราได้พักใจอีกด้วย

พิพิธภัณฑ์แห่งชาติโคลอมโบ.jpg

พิพิธภัณฑ์แห่งชาติโคลอมโบ

วันที่ 1 มกราคม ค.ศ.1877 คือวันก่อตั้ง พิพิธภัณฑ์แห่งชาติโคลอมโบ (National Museum of Colombo) พิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดของ ศรีลังกา ที่นี่เก็บรวบรวมข้าวของที่มีความสำคัญทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ไว้มากมาย รวมถึงมงกุฎและบัลลังก์ของราชวงศ์แคนดี้ นอกจากนี้ยังมีงานศิลปะ รูปปั้น และรูปแกะสลักสมัยโบราณ รวมทั้งเหรียญกษาปน์ที่ใช้ในยุคที่ยังเป็นอาณานิคม อาคารพิพิธภัณฑ์สวยจับตาสร้างขึ้นตามสถาปัตยกรรมแบบอิตาลี ที่นี่คิดค่าเข้าชมเพียง 1,000 รูปีศรีลังกา

คิริบาท และ ลูนูมิริส.jpg

อาหารในประเทศศรีลังกา

คิริบาท และ ลูนูมิริส คิริบาท(ภาษาสินหะลา) คิริ แปลว่า นม ส่วน บาท แปลว่าข้าว คือข้าวที่ถูกหุงในกะทิแล้วจัดเสิร์ฟลงในจานหรือบางครั้งก็ห่อด้วยใบตองให้แบนๆ แล้วตัดเป็นชิ้นสี่เหลียม เมนูที่กินคู่กันคือ ลูนูมิริส(ภาษาสินหะลา) ลูนู แปลว่า เกลือ และ มิริส แปลว่า พริก เป็นเหมือนน้ำพริกที่มีส่วนผสมของหัวหอม,พริกแห้ง,ขิง,กระเทียมและเมล็ดพริกไทยตากแห้ง ปรุงรสด้วยเกลือและน้ำมะนาว คิริบาทและลูนูมิริสเป็นอาหารเช้าของชาวศรีลังกา และยังเป็นเมนูที่จะกินกันในวันสำคัญ เช่นวันขึ้นปีใหม่ วันครบรอบ วันเกิด วันแรกของการทำงาน วันแรกของการไปโรงเรียน รวมถึงในโอกาสพิเศษต่างๆมากมาย จะเรียกได้ว่าเป็นเมนูพิเศษสำหรับวันพิเศษก็ว่าได้

ข้าวกับแกง.jpg

ข้าวกับแกง เป็นอาหารกลางวันที่เป็นที่นิยมกันมากๆของชาวศรีลังกา เพราะไม่เพียงแต่ทำให้อิ่มท้องเท่านั้นแต่ยังทำให้อิ่มใจด้วย ในประเทศศรีลังกามีข้าวมากมายหลายชนิด หลักๆก็จะเป็นข้าวขาวและข้าวแดง มีชื่อเรียกมากมายหลายสายพันธุ์ เช่น แซมบ้า คีริแซมบ้า เกกูลู นาดู ฯลฯ โดยปกติแล้วในจานข้าว 1 จานนั้นจะต้องมีแกงอย่างน้อย 3 อย่าง และแกงของศรีลังกาก็มีมากมายหลากหลายชนิดจนนับไม่ถ้วน ส่วนเมนูที่แนะนำสำหรับคนชาวต่างชาติให้ได้มาลองชิมก็คือ แกงโพโลส(ฟักข้าว) และแกงดาล (ถั่วเลนทิล)

อินดิอัปปา.jpg

นดิอัปปา หรือสตริงฮอปเปอร์ เมนูที่สามารถเป็นได้ทั้งอาหารเช้าหรืออาหารเย็น เมนูนี้สามารถถูกพบเห็นได้ทั่วไป รวมถึงมีราคาที่ไม่แพง โดยเมนูนี้ทำมาจากแป้งข้าวเจ้าที่ผสมแล้วจะถูกบีบผ่านรูเล็กๆให้เป็นเส้นยาว(คล้ายกับเส้นขนมจีนน้ำยาของบ้านเรา)จากนั้นนำไปนึ่งไอน้ำโดยปกติแล้วจะกินคู่กับโพลซอมโบล(โพลซอมโบล) หรือแกงมันฝรั่งก็ได้

ฮอปเปอร์.jpg

ฮอปเปอร์ เป็นเมนูที่ค่อนข้างยืดหยุ่น สามารถเป็นได้ทั้งอาหารเช้า กลางวัน เย็น หรือแม้แต่อาหารว่างก็ยังได้ ชาวศรีลังกาชอบที่จะกินฮอปเปอร์คู่กับลูนูมิริสรวมทั้งปลารสเผ็ดหรือแกงกะหรี่ไก่ด้วย ตัวฮอปเปอร์นั้นทำมาจากแป้งข้าวโพด น้ำมะพร้าว และกะทิ ที่นำมาผสมและหมักรวมกันเป็นเวลา 6-8 ชั่วโมง แล้วนำแป้งไปทอดในกระทะทำฮอปเปอร์โดยเฉพาะ เป็นเมนูของกินข้างทางที่ขึ้นชื่อมากๆ หรือคุณอาจจะใส่แค่ไข่ ใส่น้ำตาลหรือกินเฉพาะแป้งเปล่าๆก็อร่อยเหมือนกันนะ

โพล โรตี.jpg

โพล โรตี แปลเป็นภาษาไทยก็คือโรตีมะพร้าวขูด แป้งโรตีผสมมะพร้าวขูดจะถูกจี่บนกระทะจนเกรียมกลายเป็นสีน้ำตาล สามารถผสมหัวหอมสับหรือผักอื่นๆตามใจชอบลงในแป้ง อาจกินคู่กับลูนูมิริสหรือเมนูอื่นๆก็ได้ นอกจากนี้โพลโรตียังเป็นอาหารข้างทางที่ขึ้นชื่อมาก และมักจะเป็นเมนูง่ายๆสำหรับมื้อเช้าที่เร่งรีบเพราะไม่จำเป็นต้องหมักแป้ง

One Galle Face Mall.png

แหล่งช้อปปิ้งในศรีลังกา

One Galle Face Mall

https://maps.app.goo.gl/kepxqS4PnWRY3Rfp7

Street Art Gallery.png
Salies Fine Jewellery and Gemstones Colombo.png

Salies Fine Jewellery and Gemstones Colombo

https://maps.app.goo.gl/Rqsj3pzUQYYEMo6u5

bottom of page