top of page

Sweden

สวีเดน

เมืองสตอกโฮล์ม (Stockholm)

เมืองแรกที่ไม่ควรพลาดเด็ดขาดเลย คือเมืองสตอกโฮล์มแห่งนี้ เมืองหลวงของประเทศสวีเดน ที่ได้รับฉายาว่าเป็นราชินีแห่งทะเลบอลติก (Baltic Sea) เพราะเมืองสตอกโฮล์มถูกโอบล้อมด้วยทะเลบอลติก และยังเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน แต่ถึงอย่างไรแล้วก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ทันสมัยอยู่ และยังสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอยู่ไม่น้อยอีกด้วย ในเมือง   สตอกโฮล์มแห่งนี้ยังมีสถานที่ที่ไม่ควรพลาดไม่ว่าจะเป็น

สตอกโฮล์ม.png

สถานที่แรกที่ไม่ควรพลาด พระราชวังหลวง (Stockholms Slott) ในอดีต สถานที่แห่งนี้ เคยเป็นที่ประทับของพระราชวงศ์สวีเดน และความโอ่อ่าตระการของราชวัง มีความงดงามสไตล์ยุโรป ออกแบบอาการตามสถาปัตยกรรมบาโรก สร้างเมื่อ ปีค.ศ. 1754 ภายในมีถึง 608 ห้อง มีห้องต่างๆ ที่น่าสนใจ เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชมตลอดทั้งปี

พระราชวังหลวง.jpg

ย่านเมืองเก่า (Gamla Stan) ย่านเมืองเก่าแก่มากๆ ในสมัยเริ่มก่อตั้งเมืองสตอกโฮล์ม และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะเคยเป็นสถานที่ตั้งของพระราชวังหลวง ตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 17 ย่านนี้ เต็มไปด้วยแหล่งช้อปปิ้ง  บ้านเรือน ร้านอาหาร โดยมีสถาปัตยกรรมแบบสวีเดนแท้ๆ ที่ยังคงสภาพเก่าแก่ดั้งเดิม ให้เดินเล่นอย่างเพลิดเพลิน

ย่านเมืองเก่า.jpg

พิพิธภัณฑ์วาซา (The Vasa Museum) พิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงอย่างมาก เป็นพิพิธภัณฑ์เรือรบโบราณที่แสนล้ำค่าของราชอาณาจักรสวีเดน โดยเป็นเรือรบที่มีความยิ่งใหญ่ สวยงาม ประดับด้วยภาพแกะสลักโบราณ ตัวเรือทำมาจากไม้โอ๊คทั้งลำ แต่มีความทรงพลัง แข็งแกร่ง ว่ากันว่า ยังไม่ทันได้ไปรบ เรือดันเกิดเหตุจมลงก้นทะเลไปซะก่อน ซึ่งจมยาวนานกว่า 333 ปี ก่อนจะกู้มาได้จนกลายเป็นพิพิธภัณฑ์วาซาที่ยิ่งใหญ่

พิพิธภัณฑ์วาซา.jpg

พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแห่งแรกของโลก (Skansen) เรียกได้ว่า เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแห่งแรกของโลก เปิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1891 จัดแสดงถึงวิถีชีวิตของชาวสวีเดนในสมัยก่อน มีโรงเรือนต่างๆ มากถึง 150 หลัง ไม่ใช่แค่เป็นพิพิธภัณฑ์ แต่ยังมีสวนสัตว์ภายใน ที่มีพันธุ์สัตว์หากยากมากกว่า 300 สายพันธุ์ สามาถเข้ามาเยี่ยมชมสัตว์ได้แบบใกล้ชิดเลย

พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแห่งแรกของโลก.jpg

สะพานโอเรซุนด์ (Oresund Bridge) สะพานที่ยาวที่สุดของยุโรป มีความยาวระยะทาง 12 ก.ม.เปิดใช้อย่างเป็นทางการในปี ค.ศ 2000 เพื่อเชื่อมต่อระหว่างประเทศเดนมาร์กกับสวีเดน ตัวสะพานมีความโดดเด่นสวยงาม ยังมีสะพานใต้ทะเลที่เชื่อมลงไปอีกว่า 4 กิโลเมตร  สะพานที่ยาวและสวยที่สุดขนาดนี้ ต้องไม่พลาดเก็บรูปสวยๆ กลับไปกันนะ

สะพานโอเรซุนด์.jpg

สถานีรถไฟใต้ดินสต็อกโฮล์ม (Stockholm Metro) สถานีรถไฟฟ้าที่เป็นเหมือนสถานที่ท่องเที่ยวได้ เพราะมีการออกแบบทางศิลปะยุโรป ถ่ายรูปได้หลายมุม เปิดให้บริการใน ค.ศ. 1950 ปัจจุบันมีจำนวน 100 สถานี มีภาพวาดแกะสลักและภาพนูน โดยศิลปินกว่า 150 คน แค่มานั่งรถไฟฟ้าความเร็วสูงสตอกโฮล์มนี้ ก็เหมือนได้เดินบนหอศิลป์ที่รวมผลงานทางศิลปะชื่อดังไว้แล้ว

สถานีรถไฟใต้ดินสต็อกโฮล์ม.jpg

ทริปล่องเรือใต้สะพาน (Under the Bridges of Stockholm) ล่องเรือไปตามสายน้ำที่ใต้สะพานนี้ รับชมความสวยงามกว่า 2 ชั่วโมง พาลอดใต้สะพาน 15 แห่ง ทำให้เห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองเก่า ที่พักอาศัย อาคารบ้านเรือน สถาปัตยกรรมที่ไม่เหมือนใครยิ่งล่องเรือยาวค่ำคืน ยิ่งสวนสะดุดตา เต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ ใช้เวลาเพลิดเพลินไปกับการล่องเรือสำราญ ได้อย่างสุขใจ

ทริปล่องเรือใต้สะพาน.jpg

วิหารสตอกโฮล์ม (Storkyrkan) โบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในสตอกโฮล์ม ตั้งอยู่ใจกลางกรุงสตอกโฮล์ม สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้นักบุญนิโคลัสในปี 1306 ถึงเวลาจะผ่านไปนาน แต่ก็ยังมีเอกลักษณ์ที่ยังคงรักษาไว้ตั้งแต่ยุคกลางตอนปลาย มีเพดานโค้งรองรับด้วยเสาอิฐ ภายนอกโบสถ์มีลักษณะแบบบาโรก และมีบทบาทสำคัญในการจัดพิธีมิสซาเป็นภาษาสวีเดนขึ้นครั้งแรกด้วย

วิหารสตอกโฮล์ม.jpg

มาถึงอีกเมืองหนึ่งของสวีเดน ซึ่งเป็นเมืองท่าอันดับต้นๆ ของประเทศ นั่นก็คือ เมืองกอเทนเบิร์ก (Gothenburg) เป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับสองของประเทศ อีกหนึ่งเมืองท่าทางทะเล ที่นิยมทำประมง รถยนต์ และไม้ส่งออก แต่ก็มีที่เที่ยวน่าสนใจเยอะมากทีเดียว มาดูทั้ง 10 สถานที่ท่องเที่ยวของ เมืองกอเทนเบิร์กกัน

กอเทนเบิร์ก.jpg

จัตุรัสโกตา (GOTAPLATSEN) จัตุรัสแห่งนี้ ได้ถูกสร้างขึ้นเมื่อครั้งจัดนิทรรศการทางอุตสาหกรรมระดับนานาชาติครั้งยิ่งใหญ่ ในปี 1923 เพื่อฉลองการครบรอบ 300 ปีของเมือง  โดยได้ถูกตั้งให้เป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม ที่ล้องรอบไปด้วย พิพิธภธัณฑ์ทางศิลปะ โรงละคร ห้องสมุดประจำเมือง Hall จัดแสดงคอนเสิร์ต ที่ใจกลางจัตุรัสมีรูปปั้นโพไซดอนของคาร์ล มิลส์ และมีการแสดงดนตรีที่นี่อยู่บ่อยครั้ง

จัตุรัสโกตา.jpg

ย่านเมืองเก่าฮากา (Haga) ย่านเมืองเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองกอเทนเบิร์ก เต็มไปด้วยบ้านเรือนที่ยังคงอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ซึ่งจะมีลักษณะ ชั้นแรกเป็นอิฐ ชั้นที่เหลือเป็นไม้ มีร้านคามากมายให้นักท่องเที่ยวได้แวะซื้อของที่ระลึก แวะร้านอาหารในสไตล์เมืองเก่า ใครชอบเที่ยวสไตล์วินเทจยุโรป มาที่นี่ได้เลย

ย่านเมืองเก่าฮากา.jpg

ตลาดปลา (Feskekorka) ตลาดที่เน้นขายอาหารทะเลสด กุ้ง หอย ปู ปลาโดยเฉพาะ ตลาดลักษณะอาคารที่เหมือนโบสถ์ โดยนักท่องเที่ยวและคนในพื้นที่จะมาจับจ่ายซื้อของทะเลสด และภายในตลาดที่กว้างขวาง ยังมีร้านอาหารภายในให้เลือกนั่งทานหรือซื้อกลับบ้าน เนื่องจากการออกแบบคล้ายโบสถ์และมีสถาปัตยกรรมโกธิคยุคกลาง ทำให้ผู้คนมักเรียกตลาดนี้ว่า โบสถ์ปลา

ตลาดปลา.jpg

พิพิธภัณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ (Universeum) ที่นี่เป็นศูนย์กลางทางวิทยาศาสตร์แห่งชาติของชาวสวีเดน เหมาะแก่การพาเด็กๆ มาศึกษาความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สร้างขึ้นเป็นอาคารขนาดใหญ่ รวมความรู้ของโลกทั้งใบ ทั้งมหาสมุทร ป่า มีห้องปฏิบัติการทางเคมี จุดประสงค์ของพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์นี้ สร้างขึ้นมาเพื่อพัฒนาโลกที่ยั่งยืน

พิพิธภัณฑ์ทางวิทยาศาสตร์.jpg

สวนสนุกลีเซอเบิร์ก (Liseberg) เป็นสวนสนุกของเมือง ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 1923 มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวมากที่สุดในแถบสแกนดิเนเวีย มีเครื่องเล่นที่น่าสนใจ ทั้ง รถไฟเหาะไม้ ที่ดีที่สุดในโลก ถ้วยน้ำชาบินได้ รถบั๊มพ์ ชิงช้าสวรรค์ และอีกมากมาย ดึงดูดผู้เข้าชมได้ประมาณ 3 ล้านคนต่อปี จัดว่าเป็นสวนสนุกที่ยอดเยี่ยมมากๆ รวมถึงยังมีตลาดอาหารสวีเดนแบบดั้งเดิมด้วย

สวนสนุกลีเซอเบิร์ก.jpg

สวนสาธารณะใจกลางเมือง (Slottsskogen) สวนสาธารณะหลักของเมือง ที่เดินเล่นได้อย่างเพลิดเพลินไปตามเส้นทางที่คดเคี้ยว ระหว่างทางก็ชมต้นไม้ และดอกไม้ที่แสนสวยงาม สถานที่นี้ เป็นสถานที่พักผ่อนที่ร่มรื่น ช่วยให้ผ่อนคลาย มาทำกิจกรรมกลางแจ้งก็ได้ ปิกนิกกับครอบครัวก็ได้ ตอนกลางคืนมีไฟสวยๆ ภายในสวนมีร้านกาแฟ มีสนามเด็กเล่น และยังมีสวนสัตว์ที่เปิดให้ชมฟรีอยู่ในสวนแห่งนี้

สวนสาธารณะใจกลางเมือง.jpg

ย่านฮากา (Haga) ย่านนี้ เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่สวยงามและเก่าแก่ที่สุดของโกเธนเบิร์ก และยังเป็นแหล่งช้อปปิ้ง ที่ถนนปูด้วยหิน แถมยังคลีนๆ ไม่มีรถยนต์เลย เป็นถนนคนเดิน ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก มีอาคารที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ บ้านหลายหลังยังคงสร้างด้วยไม้และหิน ทำให้เป็นย่านเล็กๆ ที่มีเสน่ห์สุดๆ

ย่านฮากา.jpg

ถนนอเวนึน (Avenyn)  ถนนสายนี้ เป็นถนนที่มีสีสันและมีเสน่ห์ของเมือง ก่อตั้งขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 19 การออกแบบดีไซน์ สไตล์บาร์เซโลน่า และหลายจุดมีความเหมือนกรุงปารีส ตลอดเส้นทาง จะมีคณะนักแสดงคอยให้ความบันเทิง และยังมีร้านอาหาร ร้านค้า คาเฟ่ แหล่งช้อปปิ้งที่ทันสมัย และยังมีสถาปัตยกรรมอันงดงาม ที่ให้ได้ถ่ายรูปอย่างเพลิดเพลิน

ถนนอเวนึน.jpg

พิพิธภัณฑ์วอลโว่ (Volvo Museum)  พิพิธภัณฑ์รถชื่อดังระดับโลกอย่างวอลโว่ จะนำให้นักท่องเที่ยว ได้รู้จักกับประวัติศาสตร์ของนวัตกรรมยานยนตร์ของวอลโว่ ซึ่งเป็นมรดกตั้งแต่ปี 1927 มาจนถึงปัจจุบัน โดยแบ่งเป็นคอลเล็คชั่นตามปีต่างๆ ซึ่งทุกรุ่นจะมีประวัติบอกทั้งหมด ถึงความสำเร็จที่เคยได้รับ เรียกได้ว่า นักท่องเที่ยวจะตื่นตาตื่นใจไปกับรถรุ่นต่างๆ ของวอลโว่เป็นอย่างดี

พิพิธภัณฑ์วอลโว่.jpg

เมืองวิสบีเป็นเมืองเล็กๆ อันเงียบสงบตั้งอยู่บนเกาะก็อธแลนด์ (Gotland) เป็นเมืองเก่าแก่ของชาวไวกิ้งที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 โดดเด่นในเรื่องความสวยงามของกำแพงเมือง ป้อมปราการ โบสถ์ และสวนสวย สถาปัตยกรรมของเมืองวิสบียังคงความเก่าแก่และสวยงามไว้ได้เป็นอย่างดีจนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก เพราะเป็นเมืองในยุคกลางที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดในสแกนดิเนเวีย บรรยากาศเมืองนี้น่ารักเป็นอย่างมาก เหมาะกับการเดินเที่ยวเพื่อชมกำแพงเมืองเก่าๆ บ้านเรือนหลากสีสัน สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่เพื่อนๆ ไม่ควรพลาดไปเที่ยว เช่น สวนสาธารณะ

วิสบี.jpg

St. Nicolai Ruin โบสถ์นี้อาจถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นโบสถ์ประจำเขตสำหรับชาวเยอรมันในเขตตำบลทางตอนเหนือของเมือง แต่เพลิงไหม้ขัดขวางงาน/ทำลายโบสถ์ และอาสนวิหารในปัจจุบันได้รับการถวายเป็นโบสถ์ประจำเขตแทน (ประมาณปี 1240 เซนต์โอลอฟ แทนที่นักบุญโอลอฟ แทนที่นักบุญโอลอฟเหมือนกับคริสตจักรตำบลเยอรมันทางตอนเหนือ) 122(8) โบสถ์ที่เสียหายนี้ถูกยึดครองโดยนักบวชชาวโดมินิกันซึ่งสร้างขึ้นใหม่เป็นโบสถ์คอนแวนต์ ในช่วงกลางศตวรรษที่ 13

St. Nicolai Ruin.jpg

พิพิธภัณฑ์Gotland ในเมืองวิสบีประเทศสวีเดน เป็นพิพิธภัณฑ์ประจำเทศมณฑลของGotlandก่อตั้งโดยสมาคม Antiquity ของ Friends of Gotland ในปี 1875 ตามความคิดริเริ่มของPehr Arvid Säve พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นเจ้าของบ้านและฟาร์มหลายแห่งใน Gotland ซึ่งบางแห่งใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ นอกจากนี้ยังมีสำนักพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับมรดกของเกาะอีกด้วย

พิพิธภัณฑ์.jpg

พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง Skansen เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแห่งแรกในโลก ตั้งอยู่บนเกาะ Djurgarden ค่ะ เปิดขึ้นในปี 1891 ที่นี่ได้รวบรวมบ้านเก่าแก่ของสวีเดน ตั้งแต่ภาคเหนือจรดใต้มาไว้ในที่เดียว เพื่อเป็นแหล่งศึกษาประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของคนของคนสวีเดนในยุคก่อน ซึ่งเค้าจะจำลองวิถีชีวิต บ้านเมือง ผู้คน สิ่งแวดล้อม ตลอดจนวัฒนธรรมเก่าๆ มาไว้ให้เราได้ชมกัน พิพิธภัณฑ์และสวนสัตว์ Skansen เปิดให้บริการทุกวันค่ะ เหมาะแก่การหอบหิ้วลูกหลานมาเที่ยว หรือจะมาเที่ยวยกแกงค์กับ เพื่อนฝูงก็สนุกอย่างแน่นอนค่า ใครพลาดชมที่นี่คงน่าเสียดายแย่เลย ฉะนั้นห้ามพลาด

พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง.jpg

มงกุฎทองอร่ามบนสะพาน Skeppsholmen Bridge ภาพมงกุฏสีทองสวยงามอร่ามที่ดูคุ้นตาในโปสการ์ดของสวีเดน ทำให้ที่นี่เป็นอีกจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพเป็นที่ระลึก โดยมีภาพเมืองเก่าปรากฏเป็นฉากหลัง สะพาน Skeppsholmen Bridge เป็นสะพานใจกลางเมืองหลวงกรุงสตอกโฮล์ม โดยเชื่อมต่อจาก Blasieholmen มายังเกาะ Skeppsholmen ตัวสะพานนั้นมีความยาว 165 เมตร และกว้าง 9.5 เมตร นักท่องเที่ยวมักจะนั่งเรือเที่ยวชมความงามผ่านใต้สะพานนี้ค่ะถ้าใครอยากมีภาพโปสการ์ดที่ถ่ายด้วยฝีมือตัวเองไปอวดเพื่อน มาถ่ายมุมนี้เลยค่า งดงาม

มงกุฎทองอร่ามบนสะพาน.jpg

โรงแรมน้ำแข็ง ICEHOTEL  โรงแรมน้ำแข็ง ICEHOTEL เป็นโรงแรมน้ำแข็งแห่งแรกของโลกค่ะ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1994 ตั้งอยู่ที่เมือง Kiruna สร้างด้วยหิมะและน้ำแข็งจาก Torne River ถือเป็นสถาปัตยกรรมที่เป็นธรรมชาติมากที่สุดทีเดียวค่า ที่นี่มีที่พัก 2 ส่วนด้วยกันคือ Cold Accumodation และ Warm Accumodation ในส่วน Cold Accumodation คือห้องที่ทำจากน้ำแข็ง เป็นไฮไลท์ของโรงแรมและได้รับความนิยมอย่างมากค่ะ ทั้งโต๊ะ ตู้ เตียง ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ จะทำจากน้ำแข็งทั้งหมด โดยอุณหภูมิเฉลี่ยในโรงแรมจะอยู่ที่ -5 องศา! อู้วววว จะเปิดให้เข้าพักได้ในเดือนธันวาคมถึงประมาณกลางเดือนเมษายนของทุกปีค่ะ เมื่ออากาศเริ่มร้อนขึ้น น้ำแข็งก็จะค่อยๆ เริ่มละลายลง และสูญสลายไปเองตามสภาพ และจะมีการสร้างขึ้นใหม่ในทุกๆ ปีค่า โดยต่ละห้องจะถูกออกแบบโดยดีไซเนอร์แต่ละคน ทำให้ห้องออกมาแตกต่างกันและมีเอกลักษณ์ของตัวเอง

โรงแรมน้ำแข็ง.jpg

ขี่หมาลากเลื่อน (Dog Sled) กิจกรรมที่ใครมาถึงคิรูนา ต้องมาให้ได้ กิจกรรมเฉพาะที่ใช้สุนัขฮัสกี้ ในการลากเลื่อนให้เรานั่งเล่นท่ามกลางหิมะที่ขาวโพลน ใช้เวลานั่งได้กว่า 1 ชั่วโมง ราคาประมาณ 1,200 SEK ไม่ต้องห่วงสำหรับคนที่กลัวสุนัข เพราะน้องๆ ทั้งน่ารัก เฟรนด์ลี่ ชอบเล่นกับคน ที่สำคัญถูกฝึกมาให้ชอบวิ่ง ลากเลื่อนได้อย่างบ้าพลังเอาเรื่อง

ขี่หมาลากเลื่อน.jpg

ล่าแสงเหนือ (Aurora) มาถึงคิรูนา ต้องไม่พลาด ที่จะล่าแสงเหนือกัน ในช่วงเดือนมีนาคมถุงตุลาคม แต่จะมีช่วงเดือนที่ดีที่สุดตั้งแต่พฤศจิกายนเป็นต้นไป เพราะมีแสงเหนือให้ชมราว 6 ชั่วโมง แต่อากาศก็จะหนาวติดลบแบบสุดๆ กลางวันแทบจะเป็นกลางคืน แต่ทำให้เห็นแสงเหนือได้อย่างชัดเจน นักท่องเที่ยวมักไปดูแถวลานสกี จะเห็นแสงออร่าของแสงเหนือได้ดีที่สุด

ล่าแสงเหนือ.jpg

อาหารที่มีชื่อเสียงในสวีเดน

Smörgåstårta : แซนด์วิชเค้ก

ขอเริ่มต้นกันที่เมนูอาหารสวีเดนที่น้อยคนนักจะรู้จัก หรือ เคยได้ลิ้มลอง ซึ่งเมนูอาหารสวีเดนจานนี้ หลายคนอาจจะมองว่าเป็นของหวาน ทั้งนี้เนื่องจากจานนี้มีหน้าตาคล้ายคลึงกับเค้กนั่นเอง อย่างไรก็ตาม สำหรับชาวสวีเดนแล้ว จานนี้ถือเป็นของคาว (Savory Cake) ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศสวีเดนช่วงศตวรรษที่ 17 จุดเด่นของอาหารจานนี้ คือความหลากหลายในรสชาติที่คุณจะได้รับจากการรับประทานในหนึ่งคำ จริงๆ แล้ว วัตถุดิบที่ทางพ่อครัวสวีเดนเลือกใช้นั้น ไม่มีข้อบังคับที่ตายตัว ขึ้นอยู่กับความคิดสร้างสรรค์ และ เอกลักษณ์ของแต่ละร้าน

แซนด์วิชเค้ก.jpg

Köttbullar : มีทบอลสวีเดน

หากพูดถึงอาหารสวีเดนแล้วจะไม่พูดถึงอาหารสวีเดนประจำชาติที่สร้างชื่อเสียงให้อาหารสวีเดนโด่งดังไปทั่วโลก อย่าง เมนูมีทบอล (Köttbullar) ก็คงจะไม่ได้ แม้มีทบอลจะเป็นเมนูที่มีให้เห็นกันในหลายเชื้อชาติ แต่มีทบอลของสวีเดนนั้นมีรสชาติ และ วิธีการทำที่แตกต่างจากมีทบอลของชาติอื่น มีทบอลสวีเดน จะมีรสชาติที่เข้มข้น นิยมเสิร์ฟควบคู่กับซอสครีม หรือ ซอสน้ำเกรวี่ จากนั้นปรุงรสด้วยเครื่องเทศที่เป็นเอกลักษณ์ และมักจะนิยมรับประทานเป็นอาหารมื้อหลักมากกว่าอาหารเรียกน้ำย่อยหรือบนแซนด์วิช

มีทบอลสวีเดน.jpg

Smörgåsbord : บุฟเฟ่ต์สวีเดน

เชื่อเลยว่า ไม่ว่าจะชาติไหน ก็รักบุฟเฟ่ต์ด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งประเทศสวีเดนเองก็มีเมนูบุฟเฟ่ต์ประจำชาติ อย่าง เมนู Smörgåsbord ที่ได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลายในทุกพื้นที่ นอกจากนี้ยังเป็นเมนูอาหารสวีเดนดังกล่าวยังเป็นเมนูอาหารสวีเดนประจำชาติที่มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานตั้งแต่ในช่วงศตวรรษที่ 18 โดยคำว่า “Smörgås” มีความหมายว่า แซนด์วิชแบบเปิด หรือ ขนมปังเนย ในขณะที่คำว่า “Board” นั้น มีความหมายว่าโต๊ะนั่นเอง อาหารสวีเดนเมนูนี้ ประกอบด้วยเมนูที่หลากหลาย ตั้งแต่อาหารเรียกน้ำย่อย อาหารสวีเดนมื้อหลัก ขนมหวานสวีเดน อาหารล้างปาก ไปจนถึงเครื่องดื่ม มีการเสิร์ฟทั้งในรูปแบบร้อน และ แบบเย็น ซึ่งเมนู Smörgåsbord นั้น มีหน้าตาที่หรูหรา แต่มีความซับซ้อน

บุฟเฟ่ต์สวีเดน.jpg

Kräftskiva : เทศกาลการกิน Crayfish

หรือ ล็อบสเตอร์น้ำจืด “เทศกาล Kräftskiva” หรือ “เทศกาลกินกุ้งเครฟิช (Crayfish)” คือชื่อเทศกาลในช่วงหน้าร้อน ซึ่งในช่วงนี้ชาวสวีเดนจะรวมตัวกันเพื่อรับประทานอาหารด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ทั้งนี้เนื่องจากประเทศสวีเดน เป็นประเทศที่มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี ดังนั้น ชาวสวีเดนจึงตั้งหน้าตั้งตารอเทศกาลนี้เป็นอย่างยิ่ง เพื่อที่จะได้รับประทานอาหารกลางแจ้งกับคนพิเศษ โดยเมนูอาหารสวีเดนที่นิยมรับประทานในเทศกาล Kräftskiva

เทศกาลการกิน Crayfish หรือ ล็อบสเตอร์น้ำจืด.jpg

Västerbottenpaj : ชีสพายสวีเดน

มาแก้เบื่อกันที่ขนมหวานสวีเดนกันบ้าง โดยเมนูที่ทาง Artralux อยากจะแนะนำนักท่องเที่ยวมากที่สุดนั้น คือ เมนูที่ชื่อว่า Västerbottenpaj หรือ เมนูขนมหวานสวีเดน ที่มีหน้าตา และ ลักษณะเป็นชีสพายนั่นเอง ซึ่งแม้ว่าชีสพายจะหาทานได้ง่ายในทุกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศในเขตยุโรป แต่เมนูชีสพายของสวีเดน หรือ Västerbottenpaj แบบดั้งเดิมนั้น หาทานได้ยากมาก ทั้งนี้เนื่องจากชีส Västerbotten cheeses ที่เป็นประเภทของชีส มีเนื้อแข็ง ที่มีรสชาติเข้มข้น และ มีกลิ่นหอม ซึ่งสามารถผลิตได้แค่ในโรงงานผลิตนมที่ เมือง Burträsk ซึ่งเป็นเมืองในแถบทางตอนเหนือของประเทศสวีเดนเท่านั้น ซึ่งเชื่อหรือไม่ว่า ไม่มีใครรู้ว่าทำไมชีสประเภทนี้ ถึงสามารถผลิตขึ้นได้แค่ที่ทางตอนเหนือของประเทศสวีเดนเท่านั้น อาจจะเป็นอากาศ น้ำ และ หญ้าที่วัวกินเป็นอาหารก็เป็นได้

ชีสพายสวีเดน.jpg

Hasselbackspotatis : มันฝั่งอบ

เมนูอาหารสวีเดน “Hasselbackspotatis” หรือ ที่นักท่องเที่ยวเรียกกันว่า “Sweden Baked Potato” นั้น เป็นเมนูอาหารสวีเดนพื้นเมืองที่ได้รับความนิยมในกลุ่มแม่บ้านชาวสวีเดน เนื่องจากทำง่าย แทบยังอยู่ท้องเป็นเวลานาน โดยเมนูมันฝีั่งอบของประเทศสวีเดนดั่งกล่าว มีความเป็นเอกลักษณ์ ตรงกรรมวิธีในการอบ ซึ่งชาวสวีเดนจะทำการตัดมันฝีั่งเป็นแผ่นบางๆ (ลักษณะในรูปแบบ halfway through) แต่ไม่แยกออกจากกัน ทั้งนี้เพื่อเพิ่ม Texture ให้มีความกรอบนอกนุ่มใน และ สุกได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

มันฝั่งอบ.jpg

Kåldolmar : กะหล่ำปลียัดไส้สวีเดน

อีกหนึ่งเมนูอาหารสวีเดน ที่เป็นที่ชื่นชอบสำหรับชาวสวีเดนทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็นวัยผู้ใหญ่ หรือ วัยเด็ก ซึ่งเมนูนั้น จะเป็นเมนูไหนไปไม่ได้นอกจากเมนู Kåldolmar โดยอาหารสวีเดนจานนี้ เป็นเมนูที่อยู่คู่กับชาวสวีเดนมาอย่างยาวนานกว่า 300 ปี จนได้รับยกย่องให้เป็นอาหารประจำชาติสวีเดน แม้หน้าตาจะดูเหมือนทำง่าย แต่ต้องใช้ความพิถีพิถันเป็นอย่างยิ่ง

กะหล่ำปลียัดไส้สวีเดน.jpg

Pitepalt : มันบดสอดไส้เนื้อ

Pitepalt หรือ Palt นั้น เป็นอาหารสวีเดน ที่ใช้เรียกอาหารจำพวก Dumpling ที่ทำมาจากมันฝีั่งดิบ สอดไส้ด้วยเนื้อสัตว์ ซึ่งอาหารสวีเดนจานนี้ หาทานได้ง่ายในประเทศสวีเดนทางตอนเหนือ นอกจากนี้คำว่า  Palt นั้น ยังเป็นชื่อที่มาจากชื่อเมือง Piteå ซึ่งเป็นเมืองต้นกำเนิดของอาหารสวีเดนรสเริศจานนี้นั่นเอง

มันบดสอดไส้เนื้อ.jpg

Kladdkaka : เค้กช็อกโกแลตเนื้อมูส 

มาต่อกันที่อีกหนึ่งเมนูขนมหวานสวีเดนที่ไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะเมนูนี้ บอกเลยว่า ฮอต ฮิต ทุกฤดูกาล และ รสชาติอร่อยถูกใจคนรักช็อกโกแลตอย่างเราเป็นที่สุด Kladdkaka เป็นเมนูขนมหวานสวีเดน ทำมาจากชิคโกแลต มีเนื้อเป็นเนื้อมูส ซึ่งสามารถหารับประทานได้ง่ายในร้านคาเฟ่ หรือ ร้านขนมหวานทั่วไปในประเทศสวีเดน

เค้กช็อกโกแลตเนื้อมูส.jpg

ศูนย์การค้าในสวีเดน

Gekas

https://maps.app.goo.gl/mtYFC9QreHDVurg4A

Gekas.png

แบรนด์เนมในสวีเดน

Fjällräven กระเป๋าเป้แบรนด์สวีดิชสุดฮิต หรือที่หลายคนเรียกว่าเป้หมาจิ้งจอกที่ไม่มีใครไม่รู้จัก โดยแรกเริ่มนั้นแบรนด์มีความเชี่ยวชาญทางด้านอุปกรณ์กลางแจ้ง เช่น เต็นท์ ถุงนอน กระเป๋าสำหรับออกเดินทาง แต่ต่อมาได้เริ่มพัฒนากระเป๋าเป้สะพายหลัง ซึ่งถือเป็นการก่อกำเนิดบริษัท Fjällräven อย่างเป็นทางการ และเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในแถบประเทศสแกนดิเนเวีย กระเป๋าเป้แบรนด์นี้มีดีไซน์เฉพาะตัว มักจะมาในทรงสี่เหลี่ยม หูจับด้านบนทนทาน น้ำหนักเบา และมีให้เลือกหลากสี เน้นการออกแบบให้ถูกหลักสรีระร่างกายเพื่อแก้ปัญหาอาการปวดหลัง ทำให้แบรนด์นี้ฮอตฮิตทั้งในหมู่เด็กๆ ไปจนถึงผู้ใหญ่

Fjällräven.jpg

Nudie Jeans แบรนด์กางเกงยีนส์สัญชาติสวีเดน ก่อตั้งโดยผู้หญิงที่รักกางเกงยีนส์และรักษ์โลกยิ่งชีพนามว่า มาเรีย เอริกซอน เลวิน ในเมืองโกเธนเบิร์ก แบรนด์กางเกงยีนส์รักษ์โลกแบรนด์แรกของโลกที่มาในคอนเซปต์ออร์แกนิก และยึดแนวคิดเรื่องความยั่งยืนเป็นหัวใจสำคัญ ทั้งการนำวัตถุดิบอย่างฝ้ายออร์แกนิกที่ไม่ใช้สารเคมีในการเพาะปลูก และที่สำคัญทางแบรนด์ยังมีบริการ Lifetime Repair หรือซ่อมแซมตลอดชีพ เพื่อลดการผลิตใหม่ เน้นการใช้ซ้ำ และรักษากางเกงยีนส์ตัวโปรดของคุณให้ได้นานยิ่งขึ้น หรือหากไม่สามารถซ่อมได้จริงๆ ทางแบรนด์ก็ยังรับซื้อกางเกงยีนส์ที่คุณไม่ใช้แล้ว โดยนำมาผ่านกระบวนการแปรรูปและผลิตสินค้าชิ้นใหม่ ดังนั้นคุณจึงมั่นใจได้ว่าทุกขั้นตอนของแบรนด์ถูกคิดมาให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด

Nudie Jeans.jpg

H&M แบรนด์ฟาสต์แฟชั่นชื่อดังที่มีสาขาทั่วโลกนี้มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงสตอกโฮล์ม ซึ่งนั่นหมายความว่าคุณได้มาถึงจุดกำเนิดของหนึ่งในแบรนด์เสื้อผ้าที่มีสาขามากที่สุดในโลก นอกจากมาพร้อมดีไซน์ที่สวมใส่ง่ายและราคาสบายกระเป๋าแบบที่ไม่ทำให้เราล้มละลาย สาขาที่สตอกโฮล์มตั้งอยู่ใจกลางเมืองและมีสินค้าหลายไลน์ที่ไม่มีขายในไทย เช่น เครื่องสำอาง เป็นต้น และเกร็ดสำคัญอย่างตัวย่อ H และ M มาจาก Hennes & Mauritz จาก Hennes ที่แปลว่า Hers ในภาษาอังกฤษ ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีผู้ก่อตั้งจำหน่ายเพียงเสื้อผ้าสตรี และภายหลังได้เข้าครองกิจการบริษัทจำหน่ายอุปกรณ์ตกปลาที่ มีชื่อว่า Mauritz Widforss จนกลายมาเป็น Hennes & Mauritz และย่อเหลือ H&M ในเวลาต่อมา

H&M.jpg

Tretorn แบรนด์รองเท้าผ้าใบสัญชาติสวีเดนที่มีอายุมากกว่าร้อยปี ก่อตั้งขึ้นในเมืองเฮลซิงบอร์กตั้งแต่ปี 1891 จากความตั้งใจของแบรนด์ที่ต้องการผลิตรองเท้าที่ทนทานต่อสภาพอากาศแถบสแกนดิเนเวียและเข้ากับชีวิตประจำวันของผู้คน ปัจจุบันแบรนด์นี้โด่งดังจากรองเท้าผ้าใบสีขาว ดีไซน์รองเท้าเทนนิสสุดคลาสสิกที่มีลายตัววีโค้งด้านข้าง ทรงหัวกลมมนที่ใส่สบาย เพราะมีสัดส่วนโค้งเว้ากำลังดี พื้นยางที่ทนทาน รวมทั้งรุ่นหุ้มข้อที่กลายเป็นไอเท็มฮอตฮิตในหมู่วัยรุ่นในสวีเดนผู้รักการแต่งตัวสไตล์มินิมัล

Tretorn.jpg

Weekday ก่อตั้งในปี 2002 และเป็นหนึ่งในแบรนด์ลูกของ H&M ที่มีความเป็นสตรีทแฟชั่น ได้แรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมคนรุ่นใหม่และสตรีทสไตล์ จุดเด่นของของแบรนด์นี้คือผ้าเดนิมทั้งเสื้อและกางเกงที่ขายในราคาย่อมเยา ทำให้เป็นที่นิยมของวัยรุ่นยุคมิลเลนเนียลและนักท่องเที่ยวจนมีหลายสาขาทั่วกรุงสตอกโฮล์ม

Weekday.jpg
bottom of page