top of page

Switzerland

"                              "

ยอดเขาจุงเฟรา (Jungfrau)

เรามาเริ่มกันที่เมืองแรกกันเลย เมืองอินเทอร์ลาเคน (Interlaken) ที่มียอดเขาจุงเฟรา (Jungfrau) เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่สุดในประเทศ สวิสเซอร์แลนด์ ที่โดนขนานนามว่าเป็น Top of Europe ซึ่งมีสถานีรถไฟที่สูงที่สุดในทวีปยุโรปและเป็นยอดเขาที่มีจุดชมวิวที่สูงที่สุดในยุโรปเช่นกัน มีถ้ำน้ำแข็งที่แกะสลักไว้อย่างสวยงามอยู่ใต้ธารน้ำแข็ง 30 เมตร โดยไม่เคยละลายอีกด้วย นอกจากนี้ยอดเขาจุงเฟรา (Jungfrau) ยังมีอากาศที่หนาวเย็นตลอดทั้งปี

ยอดเขาจุงเฟรา.jpg

 ทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz) ยังคงอยู่กันที่เมืองอินเทอร์ลาเคน (Interlaken) โดยสถานที่ เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ แห่งนี้ คือ ทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz) เป็นทะเลสาบสีฟ้าใส ที่รายล้อมไปด้วยทิวทัศน์ของภูเขาและหมู่บ้านเล็กๆ เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวที่ทุกคนจะได้สัมผัสธรรมชาติสวยๆ และที่ทะเลสาบเบรียนซ์  (Lake Brienz) มีกิจกรรมล่องเรือเที่ยวในทะเลสาบอีกด้วย ใครอยากสัมผัสธรรมชาติแบบใกล้ชิด ได้เห็นผืนนำ้ทะเลสาบอย่างชัดเจน แอบกระซิบว่าใครที่เป็นคอซีรีส์เกาหลีเรื่อง Crash Landing on You คงจะจำฉากที่สหายผู้กอง นั่งเล่นเปียโนอยู่ริมทะเลสาบได้ และแน่นอนมันคือทะเลสาบแห่งนี้เลย ต้องไม่พลาดแล้วละ ทุกคนต้องลิสต์ทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz) เป็นหนึ่งในที่ เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ อย่างแน่นอน

ทะเลสาบเบรียนซ์.jpg

ยอดเขาแมทเธอร์ฮอร์น (Matternhorn) ทุกคนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตากับยอดเขาแมทเธอร์ฮอร์น (Matternhorn) เพราะเป็นต้นแบบของโลโก้ช็อกโกแลต Toblerone และบริษัทผลิตภาพยนตร์ Paramount Pictures เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งยอดเขาไฮไลท์ที่ทุกคนควรไปพิชิต แถมยังสวยงามไม่แพ้ยอดเขาจุงเฟราเลย ซึ่งยอดเขาแมทเธอร์ฮอร์น (Matternhorn) ตั้งอยู่บนแนวของเทือกเขาแอลป์บริเวณพรมแดนระหว่างประเทศ สวิสเซอร์แลนด์ กับประเทศอิตาลี โดยจุดที่สามารถชมยอดเขาแมทเธอร์ฮอร์น (Matternhorn) ได้สวยที่สุดก็อยู่ที่เมืองเซอร์แมท (Zermatt) นั่นเอง ยิ่งไปกว่านั้นยังถูกจัดให้ เป็นยอดเขาที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลกด้วย

ยอดเขาแมทเธอร์ฮอร์น.jpg

สะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) สะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) เป็นสะพานไม้เก่าแก่ที่มีประวัติมายาวนานที่สุดของโลก อายุเป็นร้อยๆ ปี มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น คลาสสิค เป็นมุงหลังคาทอดยาวข้ามแม่น้ำรอยส์ ซึ่งมีความยาว 204 เมตร เรียกได้ว่าเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองลูเซิร์น (Luzern) ประเทศ สวิสเซอร์แลนด์ เลย ใครที่มา เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ ควรมาเที่ยวที่เมืองนี้อย่างมาก เพราะได้พบกับสัญลักษณ์ที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และเมื่อเดินบนสะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) ก็จะสามารถชื่นชมวิวเมืองที่สวยงามจากกลางน้ำและวิวด้านหลังเมืองเป็นเทือกเขา ทำให้สะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) จึงเป็นจุดที่เหมาะมาก สำหรับการชมทัศนียภาพอันงดงามของเมืองลูเซิร์น (Luzern)

สะพานไม้ชาเปล.jpg

ลินเดนฮอฟ (Lindenhof) ย้ายเมืองกันต่อ พาทุกคนไปเที่ยวมาเดินเที่ยวที่ย่านเมืองเก่าของเมืองซูริค (Zurich) กันบ้าง ทุกคนก็จะเจอกับจุดชมวิวที่สามารถชมวิวเมืองซูริค (Zurich) ในมุมสูงได้อย่างสวยงาม นั่นก็คือ ลินเดนฮอฟ (Lindenhof) เป็นสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่บนเนินเขา เรียกได้ว่าเป็นสถานที่พักผ่อน นั่งกิน ลม ชมวิว ถ่ายรูปกันได้อย่างเต็มที่ และได้เห็นความสวยงามของสถาปัตยกรรมที่มีความวินเทจ น่ามองและน่าค้นหา ใครอยากมา เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ แบบสโลวไลฟ์ ไม่วุ่นวาย เงียบสงบ ต้องมาแวะเที่ยวที่ลินเดนฮอฟ (Lindenhof) แล้วละ

ลินเดนฮอฟ.jpg

โบสถ์ฟรอมุนสเตอร์ (Fraumunster Church) อีกหนึ่งสถานที่เที่ยวในเมืองซูริค (Zurich) คือโบสถ์ฟรอมุนสเตอร์ (Fraumünster) ที่ตั้งตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำลิมมัต เป็นโบสถ์ที่เก่าแก่และก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 853 โดยโบสถ์ฟรอมุนสเตอร์ (Fraumünster) ประดับด้วยกระจกสีรอบโบสถ์ ทำให้เป็นจุดเด่นและความงดงามของโบสถ์แห่งนี้ ซึ่งเป็นผลงานของศิลปินเลื่องชื่อในอดีต มาร์ค ชากัลล์ (Marc Chagall) ซึ่งโบสถ์ฟรอมุนสเตอร์ (Fraumünster) สามารถเยี่ยมชมได้ฟรี ไม่มีค่าเข้าชม ข้อสำคัญที่ควรรู้เกี่ยวโบสถ์ฟรอมุนสเตอร์ (Fraumünster) คือ ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปด้านใน แต่สามารถซื้อโปสการ์ดเป็นที่ระลึกได้ ใครที่มา เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ แล้วไปเมืองซูริค (Zurich) ก็จะเห็นโบสถ์หลังคาสีฟ้าเด่นมาแต่ไกลเลย 

โบสถ์ฟรอมุนสเตอร์.jpg

หอนาฬิกาดาราศาสตร์ (Zytglogge Clock Tower) หอนาฬิกาดาราศาสตร์ หรือ หอระฆังซิทกล็อด เป็นแลนด์มาร์กประจำเมืองเบิร์น (Bern) ในประเทศ สวิสเซอร์แลนด์ เลย เป็นหอนาฬิกายักษ์ใหญ่เก่าแก่ที่สร้างมา ตั้งแต่ปีค.ศ.1530 พูดง่ายๆ ก็คือเกือบๆ 500 ปีแล้ว เป็นสถานที่เช็คอินของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองเบิร์น (Bern) ซึ่งหอนาฬิกาดาราศาสตร์ (Zytglogge Clock Tower) ภายในมีการติดตั้งตุ๊กตา คน สิงโต หมี ให้ออกมาหมุนและมีไก่ออกมาขัน นอกจากนี้ยังมีตัวตลกออกมาเต้นรำไปรอบๆ เป็นจุดไฮไลท์ให้นักท่องเที่ยวได้ชมกันทุกๆ ชั่วโมง

หอนาฬิกาดาราศาสตร์.jpg

วิหารแห่งเมืองโลซานน์ (Lausanne Cathedral) ไปกันต่อไม่มีหยุด มาถึงเมืองโลซานน์ (Lausanne) ที่มีมหาวิหารแห่งโลซานน์ หรือชื่อเต็มคือ อาสนวิหารน็อทร์-ดามแห่งโลซานน์ (Cathédrale Notre-Dame de Lausanne) เป็นโบสถ์คริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ ประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งวิหารโลซานน์ (Lausanne Cathedral) ตั้งอยู่บนเนินเขา สร้างด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิค ส่วนด้านในตกแต่งได้วิจิตรสวยงาม และงดงามด้วยกระจกหลากสีสัน ที่สำคัญด้านหลังวิหารเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่ได้รับความนิยม เพื่อมาชมวิวเมืองโลซานน์ (Lausanne) และทะเลสาปเจนีวาอีกด้วย

วิหารแห่งเมืองโลซานน์.jpg

นาฬิกาดอกไม้เจนีวา (The Flower Clock) สถานที่ เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ ที่ห้ามพลาด เมื่อมาเที่ยวเมืองเจนีวา (Geneva) ทุกคนจะต้องตราตรึงใจกับนาฬิกาดอกไม้เจนีวา (The Flower Clock) เป็นสัญลักษณ์ของเมืองเจนีวา (Geneva) เลยก็ว่าได้ ตั้งอยู่ในเขตสวนอิงลิชการ์เดน ล้อมรอบไปด้วยดอกไม้สีสันสวยงาม ซึ่งดอกไม้ก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามเทศกาลและฤดูกาล และสามารถใช้กระแสไฟฟ้า หรือพลังงานแสงอาทิตย์ได้ ถึงไฟฟ้าจะดับก็ยังสามารถใช้งานได้ นาฬิกาดอกไม้เจนีวา (The Flower Clock) เรียกได้ว่าเป็นสถานที่เที่ยวสำคัญที่บ่งบอกความมีชื่อเสียงของเมืองเจนีวา (Geneva)  ในเรื่องของอุตสาหกรรมนาฬิกาเลย

นาฬิกาดอกไม้เจนีวา.jpg

ยอดเขาทิตลิส (Mount Titlis)  อีกหนึ่งยอดเขาที่ใน ประเทศ สวิสเซอร์แลนด์ ที่ต้องไปสักครั้ง อยู่ที่เมืองแองเกิลเบิร์ก (Engelberg) มีความสูงถึง 3,238 เมตร หิมะปกคลุมตลอดทั้งปี เหมาะกับคนที่ชอบเล่นกิจกรรมในหน้าหนาว อย่างการเล่นสกีหรือ ใครจะนั่งกระเช้าห้อยขาสุดชิลเพื่อขึ้นไปบนยอดเขาทิตลิส (Mount Titlis) ก็ได้เป็นการเปิดประสบการณ์ ชมวิวได้แบบ 360 องศา

ยอดเขาทิตลิส.jpg

Matterhorn “แมทเทอร์ฮอร์น” นับเป็นหนึ่งในยอดเขาที่สวยที่สุดของโลก ตั้งอยู่ในเมืองเซอร์แมท ซึ่งเป็นเมืองยอดนิยมของเหล่าคนชอบสกีหิมะ ที่เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์แห่งนี้ยังได้ชื่อว่าอยู่ใกล้หนึ่งในเมืองที่อากาศดีที่สุดในโลก เพราะเป็นเมืองปลอดรถยนต์แบบ 100% นอกจากนี้ ยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์นนั้นเป็นต้นแบบของโลโก้ช็อกโกแลต Toblerone และบริษัทผลิตภาพยนตร์ Paramount Pictures อันโด่งดังอีกด้วย เราสามารถชมความสวยของยอดเขานี้จากในเมืองเซอร์แมทได้ หรือจะนั่งเคเบิลคาร์ขึ้นไปชมความสวยของยอดเขากันแบบใกล้ ๆ ก็ดีเช่นกัน ไม่ว่าจะวิธีไหน ขอแนะนำว่าควรต้องไปเยี่ยมชมหากมีโอกาสไปสวิตเซอร์แลนด์

Matterhorn.jpg

Interlaken“อินเทอร์ลาเคิน” ได้ชื่อว่าเป็นเมืองสองทะเลสาบ เพราะตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบ Thun และ Brienz และยังล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาเกือบทุกด้าน ภายในตัวเมืองถือว่าเพียบพร้อมด้วยความสะดวกสบายอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นระบบการเดินทาง ที่พัก และร้านอาหาร ที่สำคัญ ไฮไลต์ในเมืองนี้คือการไปเยือนจุดชมวิว Harder Kulm และการล่องเรือชมความสวยของทะเลสาบแบบสุดชิลล์ นับเป็นที่เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์สุดสโลว์ไลฟ์ที่ไม่ควรพลาดไปเช็กอินกันเลยละ

Interlaken.jpg

เรอชติ (Rösti) ประเดิมเมนูอาหารประจำชาติสวิสกันที่ เรอชติ เมนูออเดิร์ฟที่ทำจากมันฝรั่งหั่นฝอยผสมกับชีสที่ละลายแล้ว ทำเป็นแผ่นบางๆ จากนั้นนำไปทอดในน้ำมันจนเหลือง ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย โปะหน้าด้วยเบคอนทอดกรอบ หรือไข่ดาว มักเสิร์ฟคู่กับผักโขม หรือจะนำผักโขมและแฮมลงไปผสมด้วยก็ได้ ส่วนมากนิยมกินเป็นมื้อเช้า ชาวสวิสคิดอะไรไม่ออก ก็ต้องเมนูนี้เลย

เรอชติ.png

ฟองดูชีส (Cheese Fondue) อีกหนึ่งเมนู อาหารสวิส ยอดฮิตกับ ฟองดูชีส ที่นิยมกินกันในช่วงหน้าหนาว ขั้นตอนการกินไม่ยุ่งยาก มีแค่ชีส ไวน์ขาว ขนมปัง และกระเทียม เสิร์ฟโดยใช้หม้อฟองดูที่มีเทียนหรือแอลกอฮอล์แท่งจุดไฟให้ความร้อนตลอดเวลา เพื่อให้ชีสไม่แข็งตัว จากนั้นนำขนมปังตัดเป็นก้อนเล็กๆ จุ่มชีสขึ้นมา กินคู่กับหัวหอมดองและแตงกวาดอง เวลาหนาวๆ แล้วกินพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวนี่อบอุ่นสุดๆ

อัลป์เลมาโกรเนน (Älplermagronen) ต่อกันที่เมนู อาหารสวิส ยอดนิยมราคาประหยัด อัลป์เลมาโกรเนน มักกะโรนีของคนเลี้ยงวัว เพราะจุดเริ่มต้นมาจากชาวนาที่เลี้ยงวัวอยู่บนภูเขา นำวัตถุดิบที่มีอยู่มาคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน เช่น มันฝรั่ง, เนยแข็ง, นม และมักกะโรนี วางเรียงกันเป็นชั้นๆ แล้วนำไปอบ เสิร์ฟคู่กับซอสแอปเปิ้ล หรือเบคอนด้วยก็ได้ สามารถหากินได้ง่ายในทุกพื้นที่ เป็นเมนูอร่อยและอยู่ท้องกำลังดี

แบร์เน พลัตเต (Berner Platte) แค่เห็นหน้าตาน้ำลายก็ไหลแล้วกับเมนู แบร์เน พลัตเต หมูรมควันพร้อมไส้กรอกของชาวเบิร์น ที่มีสูตรในการนำเนื้อหมูมารมควันให้หอมกรุ่นด้วยเครื่องเทศ รวมถึงซอสปรุงสูตรพิเศษ เพื่อให้เนื้อหมูมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุน เสิร์ฟกับกะหล่ำปลีดอง ถั่วแขก และมันฝรั่ง เมนูนี้เครื่องเคียงเยอะมาก มีให้เลือกหลากหลาย กินคู่กับอะไรก็ได้อร่อยหมด เหมาะสำหรับงานเลี้ยงเฉลิมฉลอง

ราแคลตต์ (Raclette) เมนูขึ้นชื่อที่คนรักชีสห้ามพลาดกับ ราแคลตต์ เป็นชนิดของชีสสวิสที่ผลิตในแคว้นวาเลส (Valais) ความพิเศษอยู่ตรงที่เวลาเสิร์ฟจะยกชีสก้อนโตมาลนไฟให้ละลาย และปาดลงบนจานที่มีเนื้อสไลด์ หัวหอม มันฝรั่ง ขนมปัง และแตงกวาดอง ซึ่งจะมีอะไรเพิ่มเติมก็ขึ้นอยู่กับสไตล์ของร้านนั้นๆ เหมาะสำหรับค่ำคืนอันเหน็บหนาว ใครที่ชอบชีสเยิ้มๆ ต้องเลิฟแน่นอน

ปาเปต์ โวดัวส์ (Papet Vaudois) เอาใจคนรักไส้กรอกกับเมนู ปาเปต์ โวดัวส์ ไส้กรอกสูตรเฉพาะของแคว้นโวลด์ เมนูเก่าแก่กว่าพันปี ขึ้นชื่อเรื่องเนื้อแน่น รสชาติกลมกล่อม เป็นการนำต้นหอมและมันฝรั่งมาสับหยาบๆ และนำไปตุ๋นกินกับไส้กรอก โดยไส้กรอกจะต้องมีลักษณะเป็นทรงอ้วนๆ น่ากินกำลังดี เสิร์ฟพร้อมต้นหอมและมันฝรั่งบด เป็นเมนูเรียกน้ำย่อยที่กินคู่กับไวน์ขาว เข้ากันอย่างลงตัว

ฟองดูชีส.png
อัลป์เลมาโกรเนน.png
แบร์เน พลัตเต.jpg
ราแคลตต์.png
ปาเปต์ โวดัวส์.jpg

ซูเคร์ เกสชเน็ตเซลต์ (Zürcher Geschnetzeltes) อยาก เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์  ให้สนุกครบรส ก็ต้องลองชิมเมนู ซูเคร์ เกสชเน็ตเซลต์ เนื้อลูกวัวย่างสไตล์ซูริค จานเด็ดของเมืองซูริค ซึ่งการใช้เนื้อลูกวัวจะให้ความนุ่มและหอมกว่าเนื้อวัวหนุ่มหรือแก่ จากนั้นนำเนื้อมาแล่บางๆ ย่างให้หอมด้วยไฟอ่อนๆ ราดด้วยน้ำเกรวี่สูตรเฉพาะของชาวสวิส บอกเลยว่านุ่มละลายในปาก เสิร์ฟพร้อมกับเรอชติ (Rösti) หรือเส้นพาสต้า ให้ความหอมกรุ่นน่ากินสุดๆ

แซฟฟรอน ริซอตโต (Saffron Risotto) มาถึงเมนูเด็ดที่ต้องยกนิ้วให้กับ แซฟฟรอน ริซอตโต อาหารพื้นเมืองของสวิส-อิตาลี ใส่หญ้าฝรั่นเป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งปลูกอยู่ในแคว้นวาเลส์ (Valais) ถึงแม้หน้าตาจะดูไม่คุ้นชิน เพราะเป็นข้าวสีเหลือง แต่รสชาตินั้นอร่อยกลมกล่อมสุดๆ ข้าวจะถูกผัดและคลุกเคล้ากับน้ำซุป ชีส หัวหอม เนย และไวน์ขาว ผัดจนข้าวนิ่มละลายในปาก มักเสิร์ฟเป็นอาหารจานหลักจานแรก

ซอปฟ์ (Zopf) เห็นหน้าตาเรียบๆ เหมือนขนมปังทั่วไปแต่ ซอปฟ์ ขนมปังที่ถักเป็นรูปเปียสัญชาติสวิสโดยแท้ อร่อยเนื้อนุ่ม หอมเนย ไม่เหมือนชาติไหน มักกินในช่วงเช้าวันอาทิตย์ พร้อมกับน้ำผึ้งและเนย หาซื้อได้ไม่ยาก ตามร้านขนมเบเกอรี่มีเกือบทุกร้าน ส่วนมากชาวสวิสจะอบขนมปังใหม่วันต่อวัน ทำให้ตัวขนมปังนุ่มและอุ่น เหมือนออกจากเตาใหม่ๆ อยู่เสมอ แค่กินเปล่าๆ ไม่ต้องทาอะไรก็อร่อยที่สุดแล้ว

เบอร์เชอร์มูสลี่ (Bircher Muesli)

ชิมเมนู อาหารสวิส มื้อหนักมาหลายเมนูแล้ว มาปิดท้ายด้วยเมนูเบาๆ กันบ้าง อย่าง เบอร์เชอร์มูสลี่ อาหารเช้ามูสลี่ เมนูเพื่อสุขภาพ แถมยังช่วยคุมน้ำหนักได้อีกด้วย ทำมาจากเกล็ดข้าวโอ๊ตผสมกับผลไม้ ถั่ว น้ำมะนาว และนม หากินได้ไม่ยาก เรียกได้ว่าเป็นเมนูอาหารยอดนิยมของชาวสวิส

กอร์ดองเบลอ (Cordon Bleu) เป็นอาหารประจำชาติสวิตเซอร์แลนด์ยอดนิยม ซึ่งเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลกเลยทีเดียวค่ะ รูปแบบพื้นฐานของเมนูอาหารสวิตเซอร์แลนด์ชนิดนี้ ประกอบไปด้วยเนื้อทอดชุบเกล็ดขนมปัง ที่เต็มไปด้วยแฮมและชีสแผ่นบาง ๆ โดยทั่วไปจะใช้เป็นชีส Gruyère การปรุงสามารถนำไปอบหรือทอดในน้ำมันก็ได้ โดยจะประกอบไปด้วยเนื้อทอด 2 ชิ้นที่ประกบอยู่กับแฮมและชีสตรงกลาง มีการกล่าวถึงเมนูกอร์ดองเบลอ (Cordon Bleu) ในตำราอาหารสวิตเซอร์แลนด์ครั้งแรกเมื่อปี 1949 ซึ่งในปัจจุบันเมนูนี้สามารถเลือกใช้วัตถุดิบได้หลากหลายประเภท เช่น กอร์ดองเบลอเนื้อลูกวัว, กอร์ดองเบลอไก่ และกอร์ดองเบลอที่เสิร์ฟพร้อมซอสเห็ด นิยมเสิร์ฟกับเครื่องเคียงเช่น เฟรนช์ฟรายส์, เลมอนฝาน และใบพาสลี่ย์

ซูเคร์ เกสชเน็ตเซลต์.jpg
แซฟฟรอน ริซอตโต.jpg
ซอปฟ์.jpg
เบอร์เชอร์มูสลี่.jpg
กอร์ดองเบลอ.png

เซอร์เวลัต (Cervelat) เป็นไส้กรอกสวิสที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ค่ะ อาหารประจำชาติสวิตเซอร์แลนด์เมนูนี้ทำมาจากเนื้อหมู หรือส่วนผสมของเนื้อหมูและเนื้อวัว โดยทั่วไปจะนำมาปรุงรสอ่อน ๆ ด้วยมัสตาร์ด, กระเทียม, สมุนไพร และเครื่องเทศ ไส้กรอกที่ได้จะถูกนำไปบ่ม ตากแห้ง และรมควัน สามารถเสิร์ฟได้ทั้งแบบดิบ หรือนำไปปรุงให้สุกก่อนด้วยการต้มหรือย่าง ซึ่งถ้าหากนำไปย่าง ส่วนใหญ่จะทำการผ่าด้านปลายของไส้กรอก เพื่อให้ปลายของไส้กรอกบานออกมาดูน่ารับประทานมากยิ่งขึ้นค่ะ

เซอร์เวลัต.jpg
Balexert.png
Bahnhofstrasse.png
Laderach.png

ShopVille - Zurich Main Station

https://maps.app.goo.gl/eBKn457CHqNvpPY1A

ShopVille - Zurich Main Station.png
bottom of page